“ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” เป็นนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 242/2563 เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ ซึ่งมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) เป็นประธานคณะกรรมการในแต่ละจังหวัดโดยหนึ่งในภารกิจสำคัญคือบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะสื่อมวลชน ติดตามคณะทำงานของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินทางไปยัง จ.ลำปาง เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย
ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในภาควิชาการ โดย รศ.ดร.กิตติศักดิ์ สมุทธารักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง กล่าวว่า จ.ลำปาง มีลักษณะภูมิประเทศและตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แบบภูเขาสูง ส่งผลให้มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่อยู่เป็นจำนวนมากเช่น น้ำตก น้ำพุร้อน ประกอบกับในช่วงฤดูหนาวมีอากาศเย็นสบาย เป็นเสน่ห์ดึงดูดสำคัญต่อการเข้ามาเที่ยวชมของผู้มาเยือน
ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดลำปางตั้งอยู่ในพื้นที่จุดศูนย์กลางทางภาคเหนือตอนบนของประเทศ เป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Location) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงเส้นทาง
ไปยังเมือง จังหวัด และภูมิภาคอื่นซึ่งมีความสำคัญในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด แต่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดในมุมมองภาพรวมยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากสภาพปัญหา
หลายด้าน
อาทิ 1.ขาดการบริหารจัดการเรื่องการตลาดแบบบูรณาการ สำหรับสินค้าหัตถอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสินค้าล้นตลาด 2.ขาดแรงงานทักษะฝีมือและความชำนาญเฉพาะด้าน เนื่องจากการเคลื่อนย้ายแรงงาน หรือการอพยพถิ่นฐานของประชาชนรวมถึงประชากรวัยแรงงานลดลง ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น 3.แรงงานนอกระบบ ยังมีอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งยังไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่เข้าสู่ระบบสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจรวมถึงปัญหาในด้านอื่นๆ ทางสังคมตามมา
รศ.ดร.กิตติศักดิ์กล่าวต่อไปว่า พื้นที่ภาคเหนือเป็นแหล่งผลิตสับปะรดที่สำคัญแห่งหนึ่งในไทย ด้วยภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการปลูกสับปะรดให้มีผลผลิตดี และมีรสชาติเยี่ยม เกษตรกรจึงนิยมปลูกเพื่อจัดจำหน่ายผลสด และส่งเข้าแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง ซึ่งประเทศไทยถือได้ว่ามีการส่งออกเป็นอับดับต้นๆ ของโลก แต่ทั้งนี้ด้วยปัจจัยด้านสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงผันผวน ส่งผลให้การปลูกสับปะรดในภาคเหนือในแต่ละปี เกิดปัญหาที่แตกต่างกัน จากจำนวนพื้นที่แปลงปลูกที่เพิ่มมากขึ้น
ทำให้มีปริมาณสับปะรดผลสดมากเกินความต้องการของตลาด ประกอบกับในพื้นที่ไม่มีโรงงานแปรรูป และไม่มีแหล่งจำหน่ายผลสดที่รองรับได้เต็มที่ ทำให้มีผลผลิตตกค้าง ราคาตกต่ำ เกิดปัญหาขาดทุน สร้างผลกระทบทางลบเป็นลูกโซ่ต่อเกษตรกรและสังคมโดยรวม จึงทำให้เกิด “โครงการพัฒนาสับปะรดภาคเหนือแบบครบวงจรด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยผลจากการดำเนินงานโครงการตลอดห่วงโซ่มูลค่า เกิดการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาพัฒนาระบบการผลิตสับปะรดปลอดภัย มีเกษตรกรที่ร่วมโครงการ จำนวน 152 ราย ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรปลอดภัย (GAP) รวมจำนวนพื้นที่ปลูกที่ได้รับมาตรฐาน GAP จำนวน 1,188 ไร่ และ เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสับปะรดมากกว่า 25 ผลิตภัณฑ์
ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารแปรรูป เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารหมักสำหรับเลี้ยงโค และผลิตภัณฑ์เส้นใยจากใบของสับปะรดซึ่งสามารถพัฒนาเป็นสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม
และ บรรจุภัณฑ์ และ เกิดการพัฒนาเครื่องจักรสาหรับผลิตเส้นด้ายจากใบสับปะรด และเครื่องปั่นด้ายสำหรับปั่นเส้นใยสับปะรด สำหรับรองรับการขยายธุรกิจการผลิตเส้นใยเพื่อต่อยอดเป็นเครื่องนุ่งห่มจากเส้นใยสับปะรดในอนาคตได้อีกด้วย
รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ผลการดำเนินการตามโครงการฯทำให้เกษตรกรมีผลผลิตที่มีคุณภาพ มีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมชนิดใหม่ออกสู่ตลาด ทาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดปัญหาสับปะรดราคาตกต่ำ และสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตลอดจนเกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และเกิดเครือข่ายการพัฒนาสับปะรดภาคเหนือที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ด้าน ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว. นั้นมีหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของกระทรวงฯ
ในการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เป็นข้อต่อสำคัญในการเชื่อมโยง องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ของ อว. ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาจากบุคลากรเฉพาะที่มีสมรรถนะสูง จากอุทยานวิทยาศาสตร์
เครือข่ายมหาวิทยาลัยและหน่วยงานในสังกัด อว. โดยการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ ไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่า (Value Based Economy) ซึ่งจะต้องขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาที่จะนำไปสู่นวัตกรรมที่เป็น Demand-side และ บูรณาการงาน 3 ศาสตร์ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ สู่การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดในทุกมิติ อันจะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ภารกิจของหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของ อว. ในการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันมี หน้าที่สำคัญในการผลักดันภารกิจใน 4 ด้าน คือ 1.ประสานการนำงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถผนวกกับศักยภาพจังหวัด 2.ขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการด้าน อววน. ในจังหวัด 3.ส่งเสริมการนำงานด้าน อววน. สนับสนุนจังหวัด
และ 4.เป็นหน่วยงานฯม้าเร็ว ที่จะรับประเด็นปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัด แล้วประสานงานหน่วยงานเจ้าขององค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา จึงได้แต่งตั้งหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
“จังหวัดลำปางได้นำเสนอข้อเสนอความต้องการเพื่อพัฒนาจังหวัดลำปาง ประกอบด้วยปัญหาด้านการเกษตร ได้มอบให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาลำปาง รับผิดชอบ ปัญหาด้านการท่องเที่ยว มอบให้ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ลำปาง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รับผิดชอบ ปัญหาด้านการบริหารจัดการขยะ มอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง รับผิดชอบ ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ และปัญหาด้านการศึกษา มอบให้มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางรับผิดชอบ” ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าว
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี