เสียงระฆังดังที่วัดถ้ำผาจม ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในเวลา 03.30 น.บอกถึงสัญญาณว่าเช้าแล้ว ได้เวลาตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวทำวัตรเช้า ที่พระอุโบสถพร้อมกันในเวลา 04.00 น.หากใครมาถึงก่อนก็ให้นั่งรอ เพื่อให้ถึงเวลาทำวัตรเช้า ซึ่งกิจวัตรประจำวันของฆราวาสผู้ที่มาปฏิบัติธรรม รักษาศีลอุโบสถ นุ่งขาวห่มขาวที่วัดถ้ำผาจม ต้องสวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ ตามตารางเวลาอย่างเคร่งครัด ซึ่งในส่วนของพระภิกษุและสามเณรก็มีตารางเวลาปฏิบัติกิจของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดด้วย
โดยเฉพาะเรื่องศีล สมาธิ และปัญญา โดยแต่ละปีทางวัดถ้ำผาจม มีการจัดให้พระภิกษุจากทั่วประเทศได้มาอยู่ปริวาสกรรมปฏิบัติกัมมัฎฐานอย่างต่อเนื่องมากว่า 45 ปี โดยบางปีมีพระภิกษุมาร่วมงานถึง 600 รูป ในระยะเวลา 9-10 วัน นอกจากนี้ยังมีญาติโยมมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพม่า ลาว และชนเผ่าต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง มาร่วมปฏิบัติธรรม และ ออกโรงทานในงานปริวาสกรรมด้วย
ส่วนผู้ที่แวะเวียนมาเที่ยวเป็นวิถีท่องเที่ยวเชิงพุทธนั้น เพราะอาจไม่มีเวลาอยู่ปฏิบัติธรรมได้หลายๆวัน ก็สามารถจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ ที่วัดถ้ำผาจมแห่งนี้ได้ เพื่อเก็บเกี่ยวบุญให้เต็มที่ ซึ่งการมาที่วัดถ้ำผาจมก็ไม่ได้มาได้ง่ายๆ เนื่องจากเป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือสุดเขตประเทศไทย ที่กับพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ในประเทศพม่า เพื่อนบ้านของเรานี่เอง การเดินทางอาจใช้บริการเครื่องบินโลว์ คอสแอร์ไลน์ หรือ จะเลือกเช่ารถตู้มาเป็นหมู่คณะก็ได้
“วัดถ้ำผาจม” จัดเป็นสถานที่สำคัญในการปฏิบัติธรรม และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวตามวิถีพุทธ ทำให้พื้นที่ของ "วัดถ้ำผาจม" เป็นหนึ่งในดินแดนมหัศจรรย์ เนื่องจากเคยเป็นที่ธุดงค์กัมมัฎฐานของพ่อแม่ครูอาจารย์สายปฏิปทาขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตฺโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่มีความศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และด้วยภูมิศาสตร์ของวัดถ้ำผาจม ที่มีถ้ำพญานาค ซึ่งมีความยาวไปถึงประเทศพม่า พร้อมด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติ ทำให้วัดถ้ำผาจมได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในพื้นที่สัปปายะของนักปฏิบัติธรรม และผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบวิถีพุทธ
ในอดีตสมัยหลวงปู่ชอบ ฐานสโม หนึ่งในพ่อแม่ครูอาจารย์สายปฏิปทาหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งท่านยังครองธาตุขันธุ์อยู่นั้น หลวงปู่ชอบเคยมานั่งภาวนาบนก้อนหินภายในวัดถ้ำผาจม และระหว่างที่แผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์อยู่นั้น ปรากฎว่า ก้อนหินที่ท่านนั่งภาวนาได้สั่นไหวไปมา มีเสียงครืดๆ อยู่ใต้ก้อนหิน คล้ายกับมีอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวอยู่ใต้ก้อนหินที่ท่านนั่งภาวนา
หลวงปู่ชอบ จึงกำหนดจิตดูที่มาของเสียงแผ่นดินไหวใต้ก้อนหินนั้นก็พบว่า เกิดจากพญานาคที่มีหน้าที่เฝ้าสมบัติพระพุทธศาสนาที่วัดถ้ำผาจม ได้ทำการกริยาแสดงการอนุโมทนา เพื่อให้หลวงปู่ชอบท่านทราบว่า เขาได้รับกระแสแห่งพลังจิตในการแผ่เมตตาของหลวงปู่ชอบ พญานาคตนนั้นได้เกิดความเย็นจิตเย็นใจในไมตรีของหลวงปู่ชอบยิ่งนัก ซึ่งหลวงปู่ชอบเมตตาบอกว่า พญานาคตนนี้ในอดีตชาติเคยเกิดเป็นเพื่อนตายสหายธรรมของหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และพญานาคที่วัดถ้ำผาจมตนนี้มีบุรพกรรมเคยบวชเป็นฤาษีมุนีไพรกับหลวงปู่ตื้อ เมื่อปลายสมัยพระพุทธเจ้ากัสสโป
ภูมิศาสตร์ของวัดถ้ำผาจมรายล้อมไปด้วยหินที่เรียงกันลดหลั่นไปมา และเมื่อขึ้นเขาไปสูง แต่กลับพบว่า ตัวเราเองยืนอยู่ในที่ต่ำ และ แวดล้อมด้วยหินผาที่ลดหลั่นกันเรียงไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ โดยบนยอดผาสูงของภูเขาถ้ำผาจม หลวงพ่อวิชัย เขมิโย เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาจม ได้เมตตาสร้าง "พระพุทธพิชิตมารประทานพร" ตั้งตระหง่านไปทางประเทศพม่า ซึ่งติดกับเมืองท่าขี้เหล็กของพม่า
ส่วนภายในบริเวณวัดถ้ำผาจม มีสถานที่สำคัญที่น่าเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เช่น พิพิธภัณฑ์พระธาตุ ที่รวบรวมพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุ อัฐิธาตุ เกศาธาตุ ของพระอรหันตสาวก
เมื่อเดินชมภายในวัดในทุกๆ มุมจะมีเรื่องราวสะท้อนความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น หลวงพ่อสายรุ้ง และหลวงพ่อทองทิพย์ ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี เป็นพระพุทธรูปโบราณที่เกิดจากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในอดีตกาล นอกจากนี้ยังมีถ้ำเย็นพญานาค ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความยาวไปถึงประเทศพม่า โดยคาดการณ์การณ์ว่า หากเดินไปเรื่อยจากปากถ้ำเย็นพญานาค จะเดินไปถึงปลายทางที่เมืองหงสาวดี ด้วยความยาวของถ้ำเย็นพญานาค ปัจจุบันหลวงพ่อวิชัย ต้องนำกุญแจมาใส่กลอนไว้ เพื่อกันไม่ให้ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องแอบเดินเข้าไปและเกิดอันตรายได้
สำหรับประวัติ "วัดถ้ำผาจม" หากย้อนกลับไปประมาณ 47 ปีที่แล้ว หรือ ใน พ.ศ. 2516 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์วาสโน) เสด็จมายังถ้ำผาจม และตรัสถามหลวงพ่อวิชัย เขมิโยว่า ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดหรือยัง หลวงพ่อวิชัยกราบทูลไปว่า ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัด สมเด็จพระสังฆราชฯ จึงตรัสสั่งให้ คุณสมหวัง คล่องการเขียน ซึ่งเป็นเลขานุการกรมศาสนาในขณะนั้น ให้ทำรายการขอสร้างวัด และจัดตั้งเป็นวัดถ้ำผาจม โดยสมเด็จพระสังฆราชฯองค์ที่ 19 ยังได้ตรัสสั่งให้หลวงพ่อวิชัยอยู่ประจำวัดแห่งนี้ ไม่ให้หนีไปไหน เพื่อพระอาคันตุกะ และ ญาติโยมจะได้อาศัยเป็นที่พักพิง
หลวงพ่อวิชัย เล่าต่อไปว่า ในช่วงแรกของการตั้งวัดถ้ำผาจมนั้น ในการแต่งตั้งเจ้าอาวาส ในขณะนั้นไม่มีใครอาสาเป็นเจ้าอาวาส อาจจะเป็นเพราะหากขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ถ้ามีเอกลาภเกิดขึ้น จะต้องตกเป็นของกองกลาง หรือ ของวัดทั้งหมด ห้ามเอาหนีไปที่อื่น จึงไม่มีใครอยากเป็น หลวงพ่อวิชัยจึงต้องรับตำแหน่งนี้เพราะหากต้องการเป็นวัดจะต้องมีตำแหน่งเจ้าอาวาสที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ โดยการพัฒนาในตอนแรก หลวงพ่อเล่าว่า ทำกันตามมีตามเกิด และ จึงได้ตั้งปณิธานว่า “เมื่อเราอาศัยวัด ต้องให้วัดอาศัยเราด้วย” จึงตั้งใจพัฒนาวัดทั้งทางวัตถุ หมายความถึงถาวรวัตถุ และ พร้อมกับการพัฒนาคนให้เข้าถึงพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมณโคดมบรมครูู
หลังจากเที่ยวที่วัดถ้ำผาจมแล้ว ทีมข่าวฯได้เดินทางไปที่วัดพระธาตุดอยวาว ซึ่งห่างจากวัดถ้ำผาจม 1 กิโลเมตรและอยู่ติดกับตลาดสายลมจอยและตลาดไชน่าทาวน์ โดยวันรุ่งขึ้นเราได้ออกเดินทางไปเที่ยวชมศิลปะความงดงามที่วัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ต่อด้วยวัดร่องเสือเต้น ซึ่งมีพระอุปคุตเป็นสัญลักษณ์ของวัดร่องเสือเต้น รวมทั้งศิลปะความงามของโบสถ์ที่งดงามมีคุณค่า และมีสไตล์ความเป็นลูกศิษย์เอกของ อ.เฉลิมชัย จากนั้นเดินทางไปต่อที่วัดห้วยปลากั้ง ซึ่งมีสัญลักษณ์คือพระโพธิสัตว์กวนอิม เรียกว่า ท่องเที่ยววิถีพุทธที่ จ.เชียงราย อิ่มเอมทั้งกายและใจ ในระยะเวลาเพียง 3 วัน 2 คืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี