19 ม.ค.64 ที่บริเวณปลายสะพานทรัพย์ชโรธร ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เจ้าของท่าเรือทรัพย์ชโรธรรายหนึ่งและเจ้าของธุรกิจประมงในอำเภอคลองใหญ่ (นายอมรศักดิ์ วรวิจิตรพงษ์ หรือ เสี่ยฮ้อ)ได้ดัดแปลงท่าเรือประมงที่ไม่ใช้งานแล้วมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟ และห้องพัก ชื่อ ชโรม คาเฟ และเปิดบริการเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ตามที่ปรากฏในเฟสบุคส์พร้อมมีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจว่า ชโรม คาเฟ่ ที่พัก และร้านกาแฟจ.ตราด”พร้อมระบุว่า”เป็นคาเฟ่กลางทะเลเปิดใหม่”
ปรากฏว่า หลังจากมีบล็อกเกอร์และลูกค้าเดินทางไปรีวิว ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ตลอดช่วงระยะเวลาที่เปิดโดยเฉพาะในช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมาและมีวันครู 16 มกราคม 2564 มีผู้เข้ามาใช้บริการแน่นจนไม่สามารถทำอาหารได้ทัน บางรายต้องเดินทางกลับเนื่องจากไม่สามารถรอได้
จากการเปิดธุรกิจนี้ มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า การนำท่าเทียบเรือเก่ามาทำเป็นร้านกาแฟและที่พักนั้น สามารถกระทำได้หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายมานพ เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าตราด เปิดเผยว่า เรื่องนี้ ยังไม่ทราบว่ามีการมีการดำเนินการอย่างไร? แต่การก่อสร้างท่าเรือได้รับใบอนุญาตถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเจ้าท่าตราดจะเดินทางไปตรวจสอบหากนำท่าเรือมาทำธุรกิจโดยผิดวัตถุประสงค์ก็สามารถสั่งระงับการใช้ได้ และสั่งให้รื้อถอนออกไปได้ หากไม่ดำเนินการทางราชการก็จะไปดำเนินการรื้อเอง
สำหรับเรื่องนี้ นายวีระฉัตร ลีละกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าจ.ฉะเชิงเทรา อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าตราด คนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า การก่อสร้างร้านกาแฟ และที่พักแห่งนี้ ได้เคยมาขอหารือและขออนุญาตดำเนินการ แต่ตนเองไม่ได้อนุญาตให้มีการดำเนินการก่อสร้างหรือดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด และเคยได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบแล้วว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนใคร?จะเป็นผู้ให้อนุญาตนั้นผู้สื่อข่าวต้องไปหาข่าวด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 63 (2537)ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2556 ที่ระบุว่า ข้อ 2 ผู้ใดประสบค์จะขออนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใด ล่วงล้ำน้ำให้ยื่นคำขอ ตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่สกำหนด โดยระบุประสงค์ในการใช้อาคาร หรือสิ่งอื่นใดที่ขออนุญาตพร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร 3 ข้อ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างท่าเรือเเห่งนี้ก็เพื่อประกอบธุรกิจประมงไม่ใช่ทำธุรกิจด้านที่พักและร้านกาแฟ ซึ่งได้เปิดไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
ขณะที่นางปนิตา แสงเรืองรอบ หรือ ซ้อหมวย เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า สะพานท่าเทียบเรือทิ้งมานาน หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการไอยูยู ซึ่งได้หารือกับทางเจ้าท่าตราดในการปรับปรุงเพื่อมาทำธุรกิจใหม่ โดยท่าเรือได้รับอนุญาตถูกต้อง แต่เมื่อสอบถามไปยังเจ้าท่าตราดก็ได้รับแจ้งว่า ดำเนินการไม่ได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งก็ยอมรับว่าผิดวัตถุประสงค์เพราะครั้งแรกของทำท่าเรือประมง แต่ท่าเรือมันไม่ได้ทำแล้ว และเรือประมงก็ไม่เข้ามาเพราะรัฐบาลเปลี่ยนนโยบาย จึงได้หารือกับเจ้าท่าตราดคนเก่า(วีระฉัตร) แต่เขาบอกว่าทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เราจะขออนุโลมได้หรือไม่
“เราเห็นว่า สะพานทิ้งไว้นานเดี๋ยวจะจมทะเลจึงอยากจะนำมาปรับปรุง พอดีลูกจบการศึกษามาและอยากจะทำธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจลงทุน แม้จะรู้ว่าผิดวัตถุประสงค์ก็ตาม แต่ทางเราก็พร้อมนะที่จะขอเสียภาษี และจ่ายค่าเช่าทางภาครัฐ ซึ่งสถานที่ก่อสร้างก็เป็น 2 คูหาเล็กๆ สถานที่ทำงานที่เป็นออฟฟิศก็นำมาปรับปรุงทำห้องพักเท่านั้น ไม่ได้ไปบุกรุกต่อ รวมทั้งในอนาคตก็อยากจะทำเป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว วันนี้เราพร้อมที่จะลงทุน และจ่ายภาษีจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับรัฐ ส่วนเรื่องลูกค้าที่มาตลอด 10 กว่าวันก็มีมามากเพราะทิวทัศน์สวยงาม มากินอาหารพื้นบ้าน และถ่ายรูป แต่เชื่อว่าสักพักก็จะลดลงไปเพราะแค่เห่อของใหม่เท่านั้น”
นางปนิตา กล่าวอีกว่า เรายอมรับว่าทำผิดวัตถุประสงค์แต่เราพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของทางเจ้าท่าตราด อาจจะให้เสียค่าปรับ เสียค่าเช่าก็พร้อม แต่ขอให้หาทางออกให้กับเรา เพื่อจะได้ทำให้ท่าเรือกลับมามีประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี