อากาศสดชื่นของช่วงต้นปี แดดดี ลมดี ท้องฟ้าสีสวยแบบนี้ เก็บตัวอยู่กับบ้านเห็นทีจะน่าเสียดาย เมื่อสบโอกาสอันดีจึงรีบเก็บกระเป๋าเตรียมของใช้จำเป็นแล้วไปเดินเล่นริมหาดรับลมทะเลกันดีกว่า
ทริปนี้แนวหน้าพาเที่ยวขอพาคุณผู้อ่านไปดื่มด่ำความสวยงามของทะเลฝั่งอันดามัน ปักหมุดที่หมู่เกาะสิมิลันและหมู่เกาะสุรินทร์ เกาะสวรรค์ที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสเป็นสีมรกต และโลกใต้สมุทรที่แสนตระการตา จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละปี
ใจพร้อมกายพร้อมแต่ออุปกรณ์ยังไม่พร้อม เราต้องไปเตรียมตัวกันก่อนที่ท่าเรือของ Seastar Happy Journey ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ตามมาตรการโควิด-19 เบื้องต้น รับสายลิสแบนด์สีประจำกรุ๊ปป้องกันความสับสน จับจองอุปกรณ์ดำน้ำที่ต้องการใช้ จากนั้นนั่งชิลกินอาหารว่างที่ท่าเรือจัดเตรียมไว้ให้ระหว่างรอเวลาเดินทาง สำหรับใครที่เมาเรือเมาคลื่นอย่าลืมทานยาแก้เมากันด้วย
เมื่อถึงคิวของกรุ๊ปเราแล้ว ไกด์ประจำเรือจะเรียกรวมตัวและทำหน้าที่อธิบายเกาะที่จะเราไปเยือนคร่าวๆ สำหรับเกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา คำว่าสิมิลันเป็นภาษายาวีแปลว่าเก้า ซึ่งมาจากจำนวนของเกาะทั้งหมดที่มารวมกันเป็นหมู่เกาะ เรียงจากเหนือมาใต้ คือ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก เกาะสิมิลัน และเกาะบางู
ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมงกว่าๆ วินาทีนี้บอกได้เลยเสียงหัวใจเต้นแรงพอๆกับเสียงคลื่น เซลประสาททั่วร่างกายวิ่งพล่านไปตามความตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสน้ำทะเลและผืนทรายอีกครั้งในรอบปี จนย่างก้าวที่จุ่มเท้าลงน้ำเดินขึ้นสู่ชายหาดพร้อมหัวใจพองโตเท่าผืนฟ้า เย้!! เรามาถึงเกาะสวรรค์แล้ว
เกาะแรกที่เรามาเยือนกันคือ เกาะเมี่ยงหรือเกาะ4 มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของหมู่เกาะสิมิลัน เป็นที่ตั้งของอุทยานฯ ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่ง มีหาดทรายขาวนวลชื่อว่าหาดเจ้าหญิง นุ่มนวลทุกย่างก้าว สวยทุกมุมทุกองศา รัวชัตเตอร์ถ่ายรูปได้หนำใจสายเที่ยวแน่นอน
ความปังยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เรามุ่งหน้าไปยังเกาะแปดหรือเกาะสิมิลัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีกิจกรรมท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นชายหาดสวย ดำน้ำดูปะการังทั้งแบบตื้นและลึก เส้นทางศึกษาธรรมชาติ และจุดชมวิวหินเรือใบซึ่งเป็นแลนด์มาร์กอันโด่งดัง ไกด์บอกว่าถ้าไม่ได้ขึ้นเท่ากับมาไม่ถึงสิมิลัน แน่นอนว่าผู้เขียนไม่พลาด เพราะเส้นทางขึ้นไปมีระยะสั้นประมาณ 150 เมตร เท่านั้น นักท่องเที่ยวทุกวัยสามารถขึ้นไปได้แบบสบายๆ
บรรยากาศด้านบนจุดชมวิวหินเรือใบ สวยควรค่าแก่การขึ้นมาเยือนจริงๆ ลมโชยสดชื่นพัดสัมผัสเราอ่อนๆ พร้อมภาพวิวภูเขาทอดตัวยาวลงทะเลของอ่าวเกือก แสงแดดสะท้อนน้ำระยิบระยับจนอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้
ถ่ายรูปชมวิวกันไปอย่างเต็มที่แล้ว มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยได้เวลาผจญภัยใต้ท้องทะเลกันแล้ว โดยไกด์พาเราไปบริเวณเกาะ9 หรือ เกาะบางู ซึ่งเป็นจุดดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นและฝูงปลาหลากชนิด โดยลูกเรือจะฆ่าเชื้อหน้ากากดำน้ำและแจกให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ระหว่างนั้นเราก็เตรียมตัวสวมชูชีพรอ เมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้วเราออกไปทดลองใช้ชีวิตเป็นปลากันสักครึ่งชั่วโมง สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่าเพิ่งเสียใจ เพราะทุกคนสามารถดำน้ำได้เหมือนกัน โดยทางทีมไกด์จะมีตุ๊กๆทะเลไว้คอยให้บริการ
ตุ๊กๆทะเลที่ว่านี้คือแผ่นโฟมสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีรูจับรอบแผ่นส่วนไว้ให้เหล่าผู้โดยสารเกาะ อีกด้านผูกด้วยเชือกเพื่อให้ไกด์ใช้จับลากพาเยี่ยมชมเมืองบาดาลกันอย่างไม่เปลืองแรง
โลกใต้ทะเลไม่ทำให้เราผิดหวัง จากที่เคยสัมผัสผ่านอควาเรียมในวันนั้น สู่วันที่เราได้ใกล้ชิดกับฝูงปลาสัมผัสน้ำเย็นชื่นใจด้วยตนเองในวันนี้ ได้เห็นเจ้าปลาผลัดกันมาอวดโฉม บางตัวหยอกล้อกับหอย บางตัวขี้อายเห็นสิ่งแปลกปลอมกับรีบผลุบซ่อนตัว ได้เห็นปะการังสมบูรณ์สีสันสวยงาม ความรู้สึกจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกประทับใจและหลงใหล เป็นความงามที่เกินกว่าจินตนาการไว้มาก มันดีจนอยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง
ตื่นเช้าสดใสรับวันใหม่เตรียมล่องเรือไปไกลสู่จุดหมายของเราในวันนี้ หมู่เกาะสุรินทร์ อีกหนึ่งอัญมณีสีมรกตเม็ดงามแห่งอันดามัน
วันนี้เราไปกับ Seastar Happy Journey อีกครั้ง ใช้เวลาเดินทางนานกว่าเดิม ระหว่างนั้นเรามาทำความรู้จักหมู่เกาะสุรินทร์กันแบบคร่าวๆ กันสักหน่อย สำหรับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ประกอบ ด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ ซึ่งเป็นสองเกาะใหญ่ และมีเกาะบริวารได้แก่ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง พื้นที่บริเวณโดยรอบเกาะสุรินทร์มีทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก เป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำที่หลายคนออกปากว่าดีที่สุดในไทย
แต่ก่อนที่จะสวมวิญญาณนักสำรวจทะเล มีสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ผู้เขียนขอพาไปเที่ยวกันก่อน นั่นคือ หมู่บ้านมอร์แกน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่าวบอนของเกาะสุรินทร์ใต้ เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของ “ชาวเล” กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต ภาษา ขนบธรรมเนียม ความเชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ซึ่งผูกโยงกับทะเลมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษเมื่อหลายร้อยปีก่อน
มองจากบนเรือไกลๆ จะเห็นบ้านเรือนหลายหลังตั้งเรียงรายสีน้ำตาลตัดกับสีเขียวของภูเขาและสีของทะเล เมื่อขึ้นฝั่งไปเราจะพบกับชาวมอแกนที่ต่างง่วนกับกิจวัตรประจำวัน บางส่วนมาตั้งร้านขายของฝากเล็กๆ มีทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ ข้อเท้า เรือไม้ฯ ให้นักท่องเที่ยวมาอุดหนุนเลือกซื้อ
เราใช้เวลาอยู่หมู่บ้านนี้เพียงไม่นานได้เห็นวิถีชีวิตเพียงผิวเผินของพวกเขา ซึ่งเราผู้เป็นนักท่องเที่ยวไม่อาจพูดได้ว่าเขามีชีวิตที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร ไม่อาจไปตัดสินได้ว่าเขาต้องหรือไม่ต้องการสิ่งไหน แต่สิ่งที่เราเหล่านักท่องเที่ยวสามารถทำได้และควรทำคือ ช่วยกันรักษาความสะอาด เที่ยวอย่างเคารพผู้อยู่อาศัยไม่ไปรบกวนพวกเขาอย่างเกินจำเป็น
ได้เวลาไปยังสถานที่ต่อไป เรานั่งเรือเล็กไปอีกประมาณ 5 นาที ไปยังเกาะสุรินทร์เหนือ เกาะที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ตั้งของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เพื่อพักทานอาหารกลางวันที่ทาง Seastar Happy Journey จัดเตรียมไว้ให้มีทั้งคาวและหวาน อิ่มอร่อยครบจบในที่เดียว
หลังเติมพลังกายเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่ารีบสะพายกล้องไปเดินทอดน่องชมธรรมชาติโดยรอบเกาะในทันที ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของอ่าวช่องขาด ชายหาดที่มีสีสันจากเปลือกหอยตัดกับน้ำทะเลใสราวกับกระจก ให้ความรู้สึกแตกต่างจากสิมิลันแต่เรื่องความสวยนั้นกินกันไม่ลง
เมื่อถึงเวลาดำน้ำราวกับฟ้าเป็นใจแดดร่มคลื่นลมสงบ บรรยากาศสุดชิลเหมาะแก่การดำน้ำเป็นที่สุด โดยไกด์พาเรามาบริเวณอ่าวช่องขาด แหล่งที่อยู่อาศัยของดอกไม้ทะเลและเจ้าปลาน้อยแสนน่ารักอย่างเจ้านีโม่ ฝูงปลาสีสันสดใสหลากชนิดแหวกว่ายดึงดูดสายตาราวกับกำลังอวดด้วยความภูมิใจว่า "โลกที่ฉันอยู่มันสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ :)" และถ้าผู้เขียนสามารถพูดภาษาปลาได้ก็อยากตอบกลับไปว่า "สวยยิ่งกว่าคำล่ำลือจริงๆ"
ตะลุยกันมาทั้งแบตร่างกายใกล้หมดเต็มที ขอกลับมานอนพักชาร์ตพลังให้เต็มที่ โดยตลอดทั้ง 4 วัน 3 คืน ผู้เขียนได้พักที่ Eden Beach Khaolak Resort and Spa ที่พักสวยโมเดิล ตกแต่งสไตล์บาหลี มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะมาก ราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง แต่เหนือความสวยงามใดๆ คือการบริการของที่นี่ พนักงานทุกคนให้บริการเราด้วยหัวใจจริงๆ ดีทุกระดับประทับใจแบบเต็มสิบไม่หัก
ทริปสั้นๆ สองวันบนผืนทะเลอันดามันได้จบลงแล้ว เป็นสองวันที่แสนคุ้มค่าได้เห็นอะไรหลายสิ่งหอบเอาความประทับใจกลับมาเต็มกระเป๋า และยังได้เห็นกับตาตัวเองด้วยว่าในช่วงที่โรคร้ายกำลังระบาดส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจท่องเที่ยวมากเพียงใด อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกันนี้ธรรมชาติก็ถือโอกาสค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ยิ่งกว่าเก่า รอวันได้อวดโฉมความงามนี้ต่อนักท่องเที่ยวทุกเชื้อชาติอีกครั้งในวันที่โลกฟื้นตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี