นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 51 ปีอดีตผู้ถูกกล่าวหาในคดีแพะชิงเพชรมูลค่า 15,800,000 บาทเมื่อปี 2560 และภรรยาชื่อนางสาวดารีวรรณ พ่อวงค์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเช่าเลขที่ 1 ถนนนครพนม-ท่าอุเทน ซอยสุขาวดี 1 ชุมชนบ้านกกต้อง เขตเทศบาลเมืองนครพนม ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวหลังจากได้รับอิสรภาพตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2560 ชีวิตครอบครัวก็ต้องประสบกับปัญหาด้านการเงินจำนวนมาก เนื่องจากระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี ภรรยาต้องกู้ยืมเงินญาติเป็นค่าพาหนะขึ้น-ลงกรุงเทพ-นครพนมทุกอาทิตย์เป็นเวลานานกว่า 7 เดือน
นายพิสิษฐ์ และภรรยา ได้เล่ารายละเอียดเรื่องราวตั้งแต่ได้รับอิสรภาพแล้วกลับมาเช่าบ้านเปิดร้านขายบะหมี่และข้าวเหนียวนึ่ง ส่วนด้านในเปิดเป็นร้านเสริมสวยว่า ช่วงได้รับอิสรภาพใหม่ๆ ก็ได้รับเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรมประมาณ 200,000 บาท และนายณัชพล สุพัฒนะ หรือ "มาร์ค พิทบูล" อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เข้ามามุงชายคาบ้านเพื่อเปิดเป็นร้านขายของ พร้อมกับเงินอีก 5,000 บาท และมีกลุ่มเพื่อนปิยะ 17 โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนเจ้าของบ้านเช่าช่วยเหลือ 8,000 บาท ฯลฯ รวมๆแล้วได้เงินช่วยเหลือประมาณ 2 แสนเศษ
เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งก็ต้องนำไปชำระหนี้ญาติที่ยืมมาเกือบ 5 แสนบาทโดยนำเงินสดอีก 150,000 บาท เป็นค่าทนายฟ้องกลับผู้กล่าวหาคือเจ้าของร้านเพชร ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียนจึงจำเป็นต้องเข้าสู่วังวนเงินกู้นอกระบบ เพราะทางครอบครัวไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ มาค้ำประกันกับธนาคาร ซึ่งการกู้เงินนอกระบบจะได้เงินสูงสุด 10,000 บาทส่งวันละ 500 บาท เป็นเวลา 24 วัน แต่การชักหน้าไม่ถึงหลังก็จำเป็นต้องกู้นายทุนรายอื่นหมุนเวียนกัน ทำให้ตนหลุดจากวังวนนี้ไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ครอบครัวไม่เคยเจอปัญหาหนักขนาดนี้มาก่อน มันเป็นผลผลิตของคนของรัฐในระบบกล่าวหา จึงอยากวิงวอนไปยังหน่วยงานของรัฐ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหาแหล่งเงินที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันให้หลุดพ้นจากวังวนเงินกู้นอกระบบ ทุกวันนี้ก็ยังต้องค้างชำระค่าไฟฟ้าอีกหลายเดือน จึงขอความเมตตาหน่วยงานภาครัฐด้วย
นายพิสิษฐ์ เล่าต่อว่าอดีตครอบครัวตนมีรถยนต์ปิกอัพ 1 คันใช้ประกอบอาชีพกับครอบครัว บางครั้งเงินขาดมือก็จะนำรถไปเข้าไฟแนนซ์ มีเอกสารบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ประกอบในการกู้ยืม จากนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ขณะขายของอยู่ที่บ้านก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว โดยกล่าวหาว่าตนไปฉ้อโกงที่ดินมูลค่า 30 ล้านบาท เหตุเกิดที่ สภ.สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความบริสุทธิ์จึงยอมเดินทางไปที่อำเภอสูงเนิน เมื่อผู้เสียหายมาดูตัวแล้วก็บอกว่าไม่ใช่คนนี้
แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง ได้ถือหมายจับศาลอาญาธนบุรี กล่าวหาวิ่งราวทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ เป็นเพชรมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 และมีการควบคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อที่ สน.บางเสาธง กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ตนให้การปฏิเสธยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด แต่ก็เริ่มผิดสังเกตตั้งแต่ตำรวจเข้าไปจับกุมตัวที่บ้านแล้ว ไม่เคยถามถึงเรื่องการฉ้อโกงที่ดิน กลับถามแต่ว่าเอาเพชรไปไว้ที่ไหนบ่อยมาก และยังมีการทำร้ายร่างกายถึงขณะนี้ยังมีร่องรอยเป็นกระดูกซี่โครงโก่งนูนขึ้นมา
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครอบครัวของตนก็เปลี่ยนไป ภรรยาต้องดิ้นรนต่อสู้เข้าร้องทุกข์ไปยังหลายหน่วยงาน รวมถึงกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ เพื่อหาความยุติธรรมให้ครอบครัว และนำพยานหลักฐานไปยืนยันพิสูจน์ความจริง โดยทางตนต้องตกเป็นเหยื่อในคดีแพะชิงเพชร ถูกขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีเป็นเวลา 7 เดือน 10 วัน จนกระทั่งศาลอาญาธนบุรีพิพากษายกฟ้องปล่อยตัวสู่อิสรภาพ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 โดยก่อนจะพิจารณาคดีทั้งอัยการและตำรวจต่างกล่าวอ้างเหตุผลต่างๆนานา กระทั่งศาลท่านถามกลับมาว่า "พวกคุณเล่านิทานจบหรือยัง?"
ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ศาลอาญาธนบุรีนัดพิพากษา คดีขโมยเพชร มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยมีนายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ ตกเป็นจำเลย โดยศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานเห็นว่ามีพยานโจทก์ 2 ราย ซึ่งเคยเห็นหน้า ผู้ก่อเหตุ 2 ครั้งและเบิกความยืนยันว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ นอกจากนี้หมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้เสียหายอ้างว่าคนร้ายใช้โทรมาซื้อเพชร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นชื่อของนายพิสิษฐ์จริง แต่พนักงานสอบสวนไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่า เป็นของนายพิสิษฐ์จริงหรือไม่
ขณะที่จำเลยนำพยานบุคคล รวมถึงแพทย์ที่รักษามาเบิกความยืนยันว่า วันเกิดเหตุจำเลยอยู่ที่จังหวัดนครพนมและเข้ารักษาโรคกระเพาะ ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นนายพิสิษฐ์ ศาลจึงพิจารณายกฟ้องและออกหมายปล่อยตัว
ซึ่งฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 จากนั้นฝ่ายโจทก์ก็ไม่ได้ขอยื่นฎีกาคดีแพะชิงเพชรจึงคดีสิ้นสุดในวันที่ 24 ธันวาคม 2561 แต่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวต้องมารับผลกระทบจากการกระทำของคนของรัฐจนมีหนี้สินพะรุงพะรังจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
สำหรับคดีเพชรถูกโจรกรรม มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ในบ้านแห่งหนึ่งเขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ และตำรวจติดตามไปจับกุมตัวนายพิสิษฐ์ ที่บ้านเช่าในจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 จากนั้นภรรยาของนายพิสิษฐ์ ร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรมว่า สามีของเธอไม่ใช่คนร้าย และต่อสู้จนได้รับการปล่อยตัวดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี