เรื่องเล่าขนหัวลุกเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ลุงเดช วัย 63 ปี จากจังหวัดนนทบุรี โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา
ลุงเดช เล่าว่า ตอนหนุ่มๆตนมีอาชีพเสริมหาปลาขาย ส่วนอาชีพหลักก็เป็นชาวนาชาวไร่ ทุกครั้งที่ออกหาปลายามค่ำคืน ก็จะมีคู่หูเพื่อนรุ่นน้อง ชื่อน้าชาย ออกไปหาปลาด้วยเสมอ ในสมัยนั้นแหล่งน้ำตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีปลาชุกชุมมากมาย โดยเฉพาะปลาช่อนนา มักจะติดเบ็ดที่ลุงเดชปักไว้ได้ตัวใหญ่ๆเสมอ ซึ่งตอนนั้นขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท ลุงเดช บอกว่า ถ้าเทียบราคาปลาช่อนนาในสมัยนี้ กิโลกรัมละเป็นร้อย ราคาช่างต่างกันลิบลับ
โดยเรื่องหลอนนี้ เกิดขึ้นในค่ำคืนเดือนมืดช่วงฤดูฝน ซึ่งคืนนั้นลุงเดชต้องออกไปหาปลาคนเดียว พอตกค่ำแกก็จะนั่งขัดตะเกียงแก๊สทองเหลือง พร้อมเตรียมอุปกรณ์ คันเบ็ดและสุ่มจับปลา เดินตะเวนไปตามนาของชาวบ้าน ซึ่งทุกครั้งที่ออกไปหาปลา ลุงเดชจะได้ปลากลับบ้านเต็มตะข้องทุกครั้งไป
คืนนั้นลุงเดช เดินไปตามถนนหลัก สองข้างทางจะเป็นทุ่งนา ในสมัยนั้นยังไม่มีไฟส่องสว่างตามถนน ตลอดเส้นทางก็จะมีเพียงแสงสว่าง จากตะเกียงแก๊สของแกเท่านั้น ลุงเดชเดินไปไกลมาก จนไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง จำได้ว่าเดินผ่านศาลใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็เจอท้องนาเพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้วมีน้ำขังอยู่ จึงลงลุยน้ำในนานั้นไปเรื่อยๆ
ลุงเดชเดินฉายตะเกียงแก๊ส พลางนึกในใจว่าคืนนี้ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน ก็เพราะไอ้ชายไม่ได้มาด้วย ในระหว่างที่ลุงเดชฉายไฟเดินลุยน้ำในนานั้น แสงไฟก็สาดส่องเห็นหมาดำตัวใหญ่ ตาแดง วิ่งเล่นอยู่กลางนาจนหายไปท่ามกลางความมืด
ลุงเดชเดินไปเรื่อยๆและคิดว่า ทำไมหมาดำตัวที่วิ่งลุยน้ำนำหน้าไป น้ำในนาทำไมไม่ขุ่น เพราะปกติเวลาเดินลุยน้ำในนาข้าว เหยียบย่ำโคลนในน้ำ น้ำจะต้องขุ่น
ตอนนั้นลุงเดชไม่ได้สนใจอะไร แกยังเดินต่อไปเรื่อยๆ ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้า เดินย่ำน้ำเบาๆตามหลัง ลุงเดชมองกลับไปนึกว่าหมาดำตัวนั้นจะเดินตามมา แต่ปรากฎว่าว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ด้วยความสงสัยจึงฉายไฟส่องดูทั่วรอบท้องนา แกก็ไม่เห็นอะไรเลย
ลุงเดช ทำใจดีสู้เสือเดินต่อไป ก็ยังได้ยินเสียงลุยน้ำเดินตามอยู่เป็นระยะๆ ลุงเดชรู้เลยว่าผิดปกติอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจกลับบ้านทันที เพราะรู้แก่ใจว่าโดนผีหลอก ยังไงก็คงไม่ได้ปลาแล้ว
หลังจากคืนนั้น ลุงเดชแกก็ยังไม่เข็ด บอกว่าก็ยังไปหาปลาที่เดิมนั่นอีก แต่ครั้งนี้ก็ไม่เจออะไรได้ปลาเยอะแยะ หรืออาจเป็นเพราะครั้งนั้น เจ้าที่เจ้าทางศาลตายาย อาจมาทักทายก็เป็นได้ เพราะคืนนั้น ลุงบอกว่าไม่ได้ไหว้กล่าวขอก่อนลงไปหาปลา
ลุงเดช เล่าทิ้งท้ายอีกว่า ทุกครั้งเวลาออกหาปลา แกจะพกขอขลัง เช่น ตะกรุดห้อยเอวเอาไว้ สวมสร้อยพระ และนำมะนาวใส่กระเป๋าติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อถามว่า ทำไมลุงต้องพกลูกมะนาวไปด้วย ลุงบอกว่า พกไว้แก้เคล็ดป้องกันสัตว์มีพิษหรืองูเงี้ยวเขี้ยวขอกัด ตามความเชื่อนั่นเอง
ส่วนที่นาตรงนั้น ปัจจุบันผ่านมา30กว่าปีแล้ว ลุงเดช บอกว่า ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือความเจริญ มีการขยายถนนให้กว้างขึ้น ติดไฟส่องสว่างตลอดเส้นทาง ส่วนศาลตายายนั้น ก็มีชาวบ้านมากราบไหว้บูชา นำตุ๊กตาม้าลายมาถวาย วางเรียงรายอยู่ข้างศาลเยอะแยะ พร้อมกับเสียงร่ำลือว่า มีหลายคนเคยเจอคนแก่ผมขาว เดินหายเข้าไปในศาลแห่งนั้นต่อหน้าต่อตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี