วันที่ 28 เม.ย.64 พระครูนิรมิตวิทยากร สุวพานนท์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้ท้วงติงเรื่องเกี่ยวกับ "ขนมอาลัวพระเครื่อว" ผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
ถามว่า ทำขนมแบบนี้ขาย จะเป็นบาปไหม? แล้วคนที่ซื้อไปกินจะบาปไหม?
คำตอบ : ก็ต้องดูที่เจตนาของการทำ ว่าทำขนมเป็นรูปพระเครื่องนี้ มีเจตนาทำเพื่ออะไร?
เพราะพระพุทธรูปเป็นวัตถุมงคลของชาวพุทธ เป็นสิ่งที่ชาวพุทธให้ความเคารพนับถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่กับพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ใครจะเอาไปทำอะไรที่เป็นการไม่สมควรตามใจชอบ หาได้ไม่
ถ้าเจตนาทำไว้เพื่อให้คนกราบไหว้เคารพบูชาน้อมรำลึกนึกถึงพระคุณอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า ให้เป็นเครื่องเตือนจิตเตือนใจในการทำความดี อย่างที่ชาวพุทธนิยมทำกัน โดยมากก็ใช้มวลสารที่เป็นของมงคลหลายอย่างมาผสมกัน หล่อหลอมขึ้นมาเป็นพระพุทธรูปแบบต่าง ๆ ตามสมัยนิยม ที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป
แต่กรณีนี้ใช้วัสดุที่เป็นอาหารมาทำเป็นพระพุทธรูปแบบต่าง ๆ สำหรับเคี้ยวกิน ถ้าเป็นคนในศาสนาอื่น การทำเช่นนี้อาจไม่รู้สึกกระไรนัก
แต่สำหรับชาวพุทธแล้ว ต้องถือว่า เป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง เพราะถือว่า เป็นการแสดงออกถึงความไม่เคารพในพระศาสดา คนทำก็บาป เพราะทำในสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ คนกินก็บาป เพราะเหมือนเอาพระพุทธรูปที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้ามาเคี้ยวกินเป็นอาหาร ใครจะทำได้ลงคอ
ผู้ที่เคารพในพระรัตนตรัยไม่สมควรกระทำ เพราะเป็นเหตุทำให้ใจเป็นมิจฉาทิฏฐิปิดกั้นมรรค ผล นิพพาน เพียงแต่ยังไม่บาปถึงขั้นต้องไปอบายเท่านั้น แต่ส่งผลให้จิตใจมืดบอด ยากที่จะเจริญธรรมให้ใจรู้แจ้งธรรมใด ๆ ขึ้นมาได้เลย
ลำพังการทำพระเครื่องอันเป็นวัตถุมงคลรูปแบบต่าง ๆ ออกมาขายเป็นพุทธพาณิชย์ ก็ยังถือว่า เป็นบาปแล้ว แต่ก็ยังพออนุโลมกันได้ ต้องดูที่เจตนาว่า ทำเพื่ออะไร ส่วนใหญ่ก็มักทำเพื่อหารายได้เป็นการกุศล สร้างสาธารณประโยชน์ เช่นนี้ ก็เป็นบาปน้อยลง มิใช่ว่าจะไม่บาป
เพราะบาปทางใจคือ มิจฉาทิฏฐิ นี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสุขุมคัมภีรภาพมาก ยากที่จะกำจัดให้หมดสิ้นไปได้โดยง่าย ใจต้องเป็นสัมมาทิฏฐิเต็มร้อยจึงจะกำจัดให้หมดสิ้นไปได้อย่างขุดรากถอนโคน
ยิ่งถ้าทำเพื่อหารายได้เข้ากระเป๋า โดยไม่ใช่วัตถุมงคลจริง คนที่ทำก็บาปมากขึ้น แต่คนที่บูชาไปกราบไหว้ด้วยความเคารพ ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ก็ไม่เป็นบาป
ส่วนการทำวัตถุมงคลในรูปแบบของขนม เพื่อเอามาเคี้ยวกิน หรืออาจพลิกแพลงเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีก อย่างมิบังควร นี้! คนทำก็บาป คนกินก็ย่ิงบาป นอกจากจะเป็นการไม่เคารพแล้ว ยังถือเป็นการทำลายพระพุทธรูปเลยทีเดียว ใครจะไปเคี้ยวกินได้ลงคอ
ลองนึกภาพดูเองสิ! เอาพระพุทธรูปเข้าปาก แปดเปื้อนน้ำลายสกปรก เอาฟันขบเคี้ยวจนแหลกละเอียด แล้วกลืนลงไปในกระเพาะลำไส้ที่มีแต่ของสกปรกเน่าเหม็น ชาวพุทธที่ไหนจะทำได้ลงคอ สู้กินถ่านเผาไฟแดง ๆ ให้มันลวกปากตายไปเสียยังจะดีกว่า
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในพระพุทธศาสนา สำหรับชาวพุทธไว้กราบไหว้บูชา แม้เอาวางไว้ในสถานที่ต่ำ ๆ ที่คนเดินผ่านไปมา ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่มิบังควรแล้ว มิพักต้องกล่าวไปใย ถึงการเอามาทำเป็นขนมเพื่อเคี้ยวกิน
ถ้ายังมีจิตสำนึกดีอยู่ ยังรู้จักบาปบุญคุณโทษดีอยู่ อย่าได้พึงกระทำเลยทีเดียว มันทำให้ใจเป็นมิจฉาทิฏฐิ ปิดกั้นมรรค ผล นิพพาน อย่าไปส่งเสริมเขาให้ทำผิดลุกลามใหญ่โต สูญเสียความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นสิ่งมิบังควรกระทำอย่างยิ่ง ด้วยประการทั้งปวง!
ดีไม่ดีก็อาจผิดกฎหมาย โทษฐานดูหมิ่นดูแคลนลบหลู่ศาสนวัตถุอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธอีกต่างหาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี