‘มหาสมปอง’งานเข้า
มติมส.สั่งสอบ
รีวิวสินค้า/จุ้นการเมือง
มติ มส.ย้ำชัด“พระมหาสมปอง”เข้าข่ายยุ่งเกี่ยวการเมือง รมต.อนุชา เร่ง พศ. ประสานและตรวจสอบ ไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียในวงการสงฆ์ “ศรีสุวรรณ” ย้ำซ้ำ ทั้งรีวิวสินค้าและเป็นที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอล
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นายอนุชานาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอความคิดเห็นของพระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง แสดงความคิดเห็นการทำงานของรัฐบาลช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ อีกทั้งมีการทำการประชาสัมพันธ์โฆษณาขายสินค้า (ปุ๋ยน้ำ) ออกสื่อสังคมออนไลน์ โดยตนได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาความเห็นต่อการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว ซึ่งถือว่าไม่เป็นกิจของสงฆ์
ล่าสุด ที่ประชุมมหาเถระสมาคม ครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 มีมติเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของพระมหาสมปอง เข้าข่ายการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และเป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำชับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมโดยด่วน โดยให้ประสานเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัด รวมถึงเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่มีการกระทำที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียวงการสงฆ์และพระพุทธศาสนาอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปในโชเชียลมีเดียและสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย กรณีที่พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง ได้ช่วยรีวิวแนะนำสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยช่วยโฆษณาสรรพคุณให้อย่างเลิศเลอไม่กระดากปาก ทั้งๆที่ฐานานุรูปของตนนั้นเป็นถึงสมณะหรือเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา เป็นสาวกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้อนุญาตให้เป็นตัวแทนของพระองค์ในการเผยแพร่หลักธรรมเพื่อให้ทุกคนหลุดพ้นจากกิเสสตัณหามุ่งสู่นิพพานเป็นที่ตั้ง หาใช่ทำตนเป็นสาวกของบริษัทเอกชน ที่มุ่งแสวงหากำไรและผลประโยชน์เป็นอาจิณไม่ การกระทำดังกล่าว เป็นโลกวัชชะ ที่ถูกสังคมย่อมติเตียน และอาจต้องอธิกรณ์เข้าข่ายอวดอุตตริมนุสสธัมม์ คือ การโอ้อวดความสามารถของตัวเอง อันเป็นโทษที่ร้ายแรงหนึ่งในปาราชิก ข้อที่ 4 ซึ่งอาจต้องหลุดพ้นจากการเป็นพระภิกษุได้
นอกจากนั้น ล่าสุดพระมหาสมปองยังได้ยอมรับไปเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับสโมสรฟุตบอล ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจเอกชน เพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์ทำการตลาดสร้างกำไรให้กับสโมสร อันขัดต่อศีลบัญญัติ 227 ข้อที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามภิกษุไว้โดยชัดแจ้ง อาทิ อาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ 13 คือ ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ยอมตนให้คฤหัสถ์ใช้สอย ประจบคฤหัสถ์ เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงทำหนังสือร้องเรียนไปยัง นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯซึ่งกำกับดูแลเรื่องนี้อยู่ และผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้ตำรวจพระเร่งสอบสวนเอาผิดนำเสนอต่อคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อมิให้พระภิกษุรูปอื่นๆยึดถือเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี