เรื่องเล่าขนหัวลุกในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวของคุณปืน จากอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
คุณปืน เล่าว่า ประสบการณ์หลอนนี้เกิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2561 สองปีที่ผ่านมา ในระหว่างที่คุณปืนได้ไปทำงานเป็นโฟร์แมน คุมงานก่อสร้างถนน 13 เหนือ ท่าง่อน-เวียงจันทร์ ที่เมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว
เดิมที่ย้อนกลับไปสมัยปี 2513 และปี 2514 เป็นช่วงสงครามที่ประเทศลาว มีทหารลาวและทหารอเมริกัน ปะทะกันบริเวณนี้ มีทหารตายจากสงครามอย่างมากมาย ซึ่งคุณปืนต้องเซ็นสัญญาทำงานที่นี่เป็นเวลา 2 ปี
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่งหลังจากเลิกงาน คืนนั้นมีคุณปืน เพื่อนคนงาน และแม่บ้าน กำลังนั่งสังสรรค์ในออฟฟิศในแคมป์ก่อสร้าง จนเวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืน เพื่อนที่เป็นแม่บ้านก็บอกว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกคุณปืน ข้างห้องน้ำ 2 ครั้ง คุณปืนก็งงว่าดึกป่านนี้ใครจะมาเรียก ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ระหว่างนั้นเพื่อนคนงานอีกคน ก็พยายามเงี่ยหูฟังบอกว่า ได้ยินเสียงเรียกคุณปืนเหมือนกัน แต่เป็นเสียงผู้ชาย ด้วยความสงสัยก็เลยเดินชะโงกหน้าไปดูตรงหน้าต่าง ก็เห็นไฟห้องน้ำเปิดอยู่ แต่ไม่มีใครยืนตรงนั้นเลย ก็เลยกลับมานั่งกินต่อ แต่สักพักเพื่อนๆก็บอกว่าได้ยินคนเรียกอีก ตอนนั้นคุณปืนบอกว่าเริ่มใจไม่ดีแล้ว จึงตัดสินใจแยกย้ายกลับไปนอน
วันหนึ่งระหว่างคุณปืนไปตรวจงานถนน ที่ตัดผ่านหน้าบ้านของคนในชุมชน คุณปืนบังเอิญไปเจอกับพ่อเฒ่าท่านหนึ่ง เป็นผู้เฒ่าผู้แก่นุ่งขาวห่มขาว ก็เลยเข้าไปคุยทักทาย พูดคุยกันถูกคอ เลยเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ฟัง
เมื่อพ่อเฒ่าได้ฟังก็พูดกับคุณปืนว่า 'ดีแล้วนะนายช่าง ที่นายช่างไม่ขานรับ รู้มั้ยแถวนี้คนลาวเขาเล่นของกันอยู่นะ เสียงเรียกชื่อนั้น อาจจะเป็นลมเพลมพัด ของดำไสยศาสตร์ที่ปล่อยออกวันพระก็ได้ หรือเป็นเสียงผีเร่ร่อนก็ได้ ทางที่ดีไม่ต้องขานรับดีที่สุด'
หลังจากนั้น คราวนี้คุณปืนได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองบ่อยครั้งขึ้น โดนเฉพาะเวลาพลบค่ำขณะทำงานโอที คุณปืนจึงตัดสินใจไม่นอนที่ออฟฟิตในแคมป์คนงานแล้ว จึงไปเช่าโรงแรมในตัวเมือง ที่ห่างไปอีก10 กม. ทุกเช้าต้องขับรถมาทำงานที่แคมป์ พอเสร็จงานก็ขับรถกลับไปนอนโรงแรม แต่คุณปืนก็หนีเสียงเรียกไม่พ้น เสียงเรียกชื่อปริศนายังตามรังควานคุณปืน แม้แต่ขณะขับรถ
'น่าแปลกใจมาก เพราะในเวลาทำงานกลางวันก็ทำงานปกติ ไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ แต่พอตกค่ำทีไรจะได้ยินตลอด จากความกลัวกลับกลายเป็นความชิน ในระหว่าง2ปีที่ทำงานอยู่ที่ลาว จนวันสุดท้ายที่กลับเมืองไทย' คุณปืนบอก
สำหรับเรื่องนี้ จุดพีคเกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง เป็นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม หลังเสร็จงานโอที คุณปืนก็ขับรถออกจากแคมป์ก่อสร้าง มุ่งตรงไปที่โรงแรมในตัวเมือง ระหว่างขับรถมาสักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเรียก เหมือนเรียกกระซิบในรถ ทำให้คุณปืนสติแตก กลัวก็กลัว โมโหก็โมโห จึงจอดรถกลางสี่แยกไฟแดง ซึ่งแยกไฟแดงในขณะนั้นยังไม่มีรถขับผ่าน เนื่องจากเป็นเส้นทางกำลังก่อสร้างยังไม่เปิดใช้งาน อยู่ระหว่างทดสอบระบบไฟแดง
เมื่อจอดรถแล้ว คุณปืนเปิดประตูลงไปยืนหน้ารถ พร้อมตะโกนสุดเสียง พูดท้าทายแจกกล้วยแจกอ้อย ประมาณว่า 'พวก_เป็น_อะไรกันนักกันหนา เรียก_จังเลย จะเอายังไงก็ออกมา ขอให้มันจบกันวันนี้ จะเป็นวิญญาณเป็น_อะไรก็ว่ากันเลย ไม่มีสมาธิขับรถแล้ว งานการก็ไม่ต้องทำ มาเรียก_ทุกคืนอยู่นั้นแหละ'
ระหว่างนั้นคุณปืน นึกได้ว่าเคยมีรุ่นพี่คนหนึ่ง บอกว่าให้ถอดรองเท้า แล้วเอานิ้วโป้งเท้าจิกไปที่พื้นดินแล้วก็แช่ง คุณปืนจึงเดินไปไหล่ถนนตรงพื้นดิน ถอดรองเท้าถุงเท้าออก เอานิ้วโป้งเท้าจิ้มดิน พร้อมแช่งว่า 'ถ้าตาม_มาอย่างนี้อีก _จะแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิด จะขอให้เป็นสัมภเวสีไปทั้งชีวิต จนร่างกายสลายไปกับอากาศ แต่ถ้าเลิกติดตามเลิกเรียกชื่อเมื่อไหร่ ก็จะแผ่ส่วนบุญกุศลไปให้'
คุณปืนบอกอีกว่า 'หากคืนนั้นถ้ามีคนเห็นอาจคิดว่าตนบ้า ที่ไปยืนโวยวายคนเดียวกลางดึกที่สามแยกไฟแดง' คุณปืนพูดไปขำไป และบอกว่าหลังจากวันนั้น เสียงเรียกชื่อปริศนาก็ยังมีเรียกมาเรื่อยๆ แต่ได้ยินเบาๆ มาจากไกลๆ
เมื่อคุณปืนถามบรรดาเพื่อนๆโฟร์แมนคนไทยทั้ง 15 คน ว่าเคยได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตนเองหรือไม่ ทุกคนต่างบอกว่า ไม่มีใครได้ยินเลยสักคน จนทุกคนคิดว่าคุณปืนเพี้ยนไปแล้ว
คุณปืนก็อยู่ทำงานที่นั่นจนหมดสัญญา 2 ปี แต่ก่อนกลับไทยก็ไปไหว้ลาพ่อเฒ่าท่านนั้น และก็เล่าเรื่องคืนนั้นที่ลงรถไปท้าทายผีให้คุณตาฟัง พอเล่าให้ฟังตาแกก็ขำบอกว่า นายช่างไม่กลัวหรอ มีของดีอะไรหรือใส่พระอะไรหรือเปล่า
คุณปืน ตอบพ่อเฒ่าว่า ผมไม่มีของดีอะไรทั้งนั้น พระก็ไม่ใส่ มีแต่ใจกับร่างกายเท่านั้น หากคืนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็พร้อมทำใจ
เมื่อถามว่า คุณปืนเคยคิดจะทำบุญให้ผีพวกนั้นหรือไม่ คุณปืนบอกว่า พ่อเฒ่าท่านนั้นเคยบอกว่า อย่าไปทำให้เพราะพวกนี้มันมาไม่ดี มันเป็นสายดำไม่ใช่สายขาว
หลังจากทำงานวันสุดท้ายที่เวียงจันทร์ ก่อนกลับคุณปืนก็ไปลาคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านนั้นและนอนคืนสุดท้าย พอตอนเช้าชาวบ้านก็มายืนส่งคุณปืนและเพื่อนๆโฟร์แมน
ทั้งนี้ในระหว่างที่ขับรถข้ามด่านหนองคาย คุณปืนบอกว่า รู้สึกวูบเสียวซ่านไปทั่วตัว รู้สึกเบาสบายตัวโล่งไปหมด และก็คิดว่าเรื่องที่เกิดที่เวียงจันทร์นั้น ตนโดนทำของใส่หรือไม่?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี