มีวิถีทางใดจะชดใช้กรรมจากการทำแท้งได้บ้าง วิสัชนาธรรมโดย...หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
ปุจฉา - หลังทำแท้งขณะตั้งครรภ์ได้ ๒ เดือน รู้สึกเป็นบาปแต่จำเป็นต้องทำเพราะแพ้ท้อง ทำงานไม่ได้ สามีไม่ได้เอาใจใส่ต่อครอบครัวเลยและถ้าปล่อยให้เกิดมาเขาจะลำบาก และทำให้ลูกคนเกิดก่อนลำบากด้วยอยากทราบว่าบาปที่ทำนี้ มีวิถีทางใดจะชดใช้ได้บ้างเช่น บวชพราหมณ์ สร้างพระ หรือถือศีล เป็นต้น
วิสัชนา - "...ไม่ว่าใครๆ เมื่อความทุกข์ใจมาถึงแล้วก็ต้องมองหาที่พึ่ง เพื่อแบ่งเบา ชะรอยสามีจะล่วงละเมิดไปเล่นสาวจึงเป็นเหตุไม่อาลัยในของเดิมแต่ก็คงเป็นเรื่องของกรรมมาในภพก่อนๆ ที่พวกเราสร้างไว้เพราะการท่องเที่ยวในสงสารมากกว่าเม็ดหินเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรตั้ง ๔ มหาสมุทรสมมติว่าชาติหนึ่งก็เม็ดทรายหนึ่งเป็นการเทียบเมื่อเป็นดังนี้ การท่องเที่ยวในสงสารจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยพระพุทธศาสนาสอนไม่ให้นอนใจในโลกสงสารสอนให้รีบเร่งภาวนาปฏิบัติศีลธรรมเพื่อให้ชนะความหลงของตนเข้าสู่พระนิพพานไปซะ
อนึ่ง เรื่องลูกๆ ตั้งครรภ์แล้ว ๒ เดือนจะหาอุบายทำลายนั้นมันเป็นบาปมากนัก หลวงปู่ไม่อนุโมทนาด้วย พระวินัยบอกว่า ปาราชิก ๔ จะว่าแต่ข้อ ๓ ความว่า “ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์ให้ตายต้องปาราชิก” มีหลักพูดอย่างนี้ แต่อธิบายหลักออกพิสดารมากมนุษย์ในครรภ์ก็ดี นอกครรภ์ก็ดี ฆ่าเองก็ดี ใช้ให้ผู้อื่นฆ่าก็ดี หรือด้วยอุบายก็ดีห้ามขาดทั้งนั้น ถ้าฝืนล่วงละเมิด ภิกษุเป็นปาราชิก นี้อธิบายให้ฟังอย่างย่อๆ
เมื่อเป็นดังนี้ องค์หลวงปู่ไม่เห็นด้วยแม้เราทำลายแล้วเราจะไปบวชชีพราหมณ์ หรือทำบุญอะไรๆ ก็ตามจะทำบุญแก้บาปไม่ได้เพราะมันเป็นเงินคนละกระเป๋าสมมติว่าใจของเรานี้เปรียบเหมือนคลังบาปบุญนี้เปรียบเหมือนสมบัติที่มีอยู่ในคลังคราวใดเราเอาบาปออกมาค้า ผลกำไรก็ไปบวกบาปอยู่ที่ใจ
เหตุนั้น การล้างบาปในพระพุทธศาสนาจึงไม่มีแต่เมื่อสร้างบารมีไปมากแล้ว บาปก็เว้นพอแล้ว บุญก็สร้างพอแล้วจึงจะทรงเหนือบาปและบุญไปได้ ยกตัวอย่างเช่นพระอรหันต์กรรมเก่าตามมาถึงก็มาเจอแต่เรือนร้าง คือสกลขันธ์ คือรูปนามแต่มันไม่ถึงธรรมะของพระอรหันต์ เพราะพระอรหันต์พ้นจากกองนามรูปไปแล้วแต่พวกเราที่ยังมีกิเลสหนา
เมื่อผลของกรรมตามมาหามันก็ได้ทั้งหนังทั้งเขา เพราะเรายังไม่พ้นจากกิเลสเหตุนั้นเราจึงไม่ควรทำในมหันตโทษโทษฆ่ามนุษย์เป็นมหันตโทษไม่มีศาลอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้นคดีดำคดีแดงในโรงในศาลมันหมดเป็นส่วนกรรมและผลของกรรมที่ทำไว้แต่ละท่านละคนมันไม่จบเกษียณเป็นเลย มันตามไปจนถึงชาติเข้าสู่พระนิพพานดังกล่าวแล้วนั้น
คำว่ากรรม และผลของกรรม ว่าโดยย่อเพื่อเข้าใจง่ายคือบาปและผลของบาป บุญและผลของบุญส่วนสร้างเหตุบาปบุญแล้วผลไม่ได้ประสงค์ก็ได้รับตามส่วนควรค่าของเหตุที่ทำน้อยและมาก เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นปัญหาเหตุนั้นวัฏสงสารจึงเวียนว่ายตายเกิด อยู่สนองกรรมสนองเวรกันเหมือนพายเรือในอ่าง
ต่อเมื่อถึงพระโสดาบันตราบใด จึงจะเดินตรงในทางความประพฤติข้ามทะเลหลงของตนไม่ถอยหลัง ไม่แวะซ้ายไม่แวะขวาด้วย ตรงจุดหมายพระนิพพานต่ำกว่าพระโสดาบันลงมาแล้วพายเรือในอ่างทั้งนั้น หรือเป็นมดไต่ขอบกระด้งทั้งนั้น
ถ้าอยากทราบว่าตนเป็นพระโสดาบันหรือไม่นั้น ก็มีแผนที่สอบ คือ สอบตนว่าตนเสียดายอยากล่วงละเมิดศีล ๕ หรือไม่ เสียดายอยากจะถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธศาสนาไปหรือไม่ เสียดายอยากจะจองเวรท่านผู้อื่นหรือไม่ เสียดายอยากจะเล่นอบายมุขหรือไม่ เสียดายอยากจะถือฤกษ์ดียามดีหรือไม่ เสียดายอยากจะค้าขายเครื่องประหารค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเพื่อเป็นอาหารค้าขายน้ำเมา ค้าขายยาพิษ ทั้งหลายเหล่านี้หรือไม่ถ้าไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดทั้งหลายเหล่านี้แต่ต้นมาก็ตัดสินเอาเองว่าเรานี้แหละคือพระโสดาบันถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะทั้งนั้น
ให้เข้าใจว่าสิ่งใดที่เราไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดเพราะเห็นชัดด้วยปัญญา ด้วยดวงตาเห็นธรรมคือเห็นว่ามันเป็นเวรเป็นภัยจริงๆ ไม่มีศาลอุทธรณ์ถ้าเราเห็นชัดอย่างนี้ความเสียดายอยากล่วงละเมิดของเราก็ไม่มีเราก็ไม่หนักใจด้วย คล้ายๆ กับเราเห็นหลุมถ่านเพลิงอย่างชัดแจ้งเราไม่เสียดายอยากไปลุยเลย และก็ไม่สงสัยอีกด้วยนี้แหละคือภูมิพระโสดาบัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็เป็นพายเรือในอ่าง ดังกล่าวมาแล้ว
อนึ่ง การหงุดหงิดฉุนเฉียวก็เพราะอารมณ์ของเรามีหลายแพร่งแพร่งหนึ่งเกี่ยวกับสามีที่ไม่รับผิดชอบไม่อาลัยแพร่งสองเป็นธรรมดาของผู้ตั้งครรภ์ก็ต้องหงุดหงิดบ้างอย่างนั้นจะอย่างไรก็ตามความอดทนเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์เพราะอดทนในสิ่งที่ควรอดทน ไม่ใช่อดทนในการสร้างบาป อดทนในการไม่สร้างบาปความอดทนกับความเพียรก็คงมีความหมายอันเดียวกันนั่นเองแต่เพียรในทางพระพุทธศาสนา “เพียรละบาปบำเพ็ญบุญ” เป็นหลักของจิตใจ
น่าเห็นใจลูกๆ หลานๆ อยู่เหมือนกันใครเกิดมาในโลกนี้ไม่เป็นทุกข์ใจไม่มีเลย (เว้นพระอรหันต์เสีย)พระโสดาบันเว้นทุกข์ใจไปเป็นเอกเทศแล้วและส่วนที่เว้นนั้นไม่กลับมาทุกข์อีกส่วนพระอรหันต์เว้นโดยเด็ดขาดสิ้นเชิงแล้ว และคำสอนพระพุทธศาสนาเจตนามุ่งหมายให้สัตว์โลกเข้าสู่พระนิพพานทั้งนั้น เพราะในไตรโลกธาตุไม่มีสุขเท่าเมล็ดงาเลยถ้าหากว่ามีความสุขเท่าเมล็ดงาแล้วพระอรหันต์ก็ไม่เบื่อหน่ายความหลงของตนที่เคยหลงมา
เมื่อเบื่อหน่ายความหลงของตนที่เคยหลงมาแล้วก็เท่ากับว่าเบื่อหน่ายโลกทั้งปวงไปในตัวคำว่าเบื่อหน่ายในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าตัวตายโดยวิธีใดวิธีหนึ่งถ้าไปฆ่าตัวตายโดยวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว เรียกว่าโทสะสัมปยุตถ์อยู่เกิดมาในภพใดชาติใดก็ต้องฆ่าตัวตายอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ผู้พ้นจากกิเลสแล้วท่านผู้พ้นจากกิเลสแล้วนั้น ท่านไม่เป็นกังวลเพื่อจะฆ่าตัวตายเพราะความหลงมันหายไปหมดแล้ว เหลือแต่พระปัญญาที่เหนือความหลงและธรรมชาติฝ่ายสังขารก็บันดาลมรณภาพไปเองโดยไม่มีเงื่อนไขเจ้าตัวจะวางแผนไปฆ่าด้วยวิธีใดๆ เลย
ดังนี้ ผู้ที่ไปฆ่าร่างกายให้ตายนั้นเป็นผู้ที่ไร้ปัญญามากชะรอยผู้นี้เคยฆ่าตนเองมาแต่ชาติก่อนๆ แล้วสิ่งที่จะควรสำเหนียกอีกก็มีอยู่ว่า ถ้าสามีของลูกเขาลอบไปรักหญิงอื่นก็ให้ยกมือใส่หัวซะ “ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเคยได้ไปรักผัวเขาแล้วได้เคยล่วงละเมิดผัวเขามาแต่ชาติก่อนๆ ก็ดีแม้ข้าพเจ้าโกรธบ้างก็ตาม แต่จะไม่จองเวรขอให้แล้วกันไปซะ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน” ต้องทำจิตอย่างนี้ถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็จะมึงทีกูทีไปในชาติหน้าตะพึดตะพือลูกๆ เอ๋ย..."
..............................................
คัดมาจาก...หนังสือ หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐, เดือนกันยายน ๒๕๕๓ ขอบคุณจากลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี