"ทำอย่างไรให้เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" พระธรรมเทศนาโดย...หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
ปุจฉา - ทำไมปัจจุบัน คนจึงเชื่อว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำอย่างไรเขาจึงจะเห็นว่าทำดีได้ดีค่ะ
วิสัชนา - บางท่านกล่าวว่าเราลงมือทำดีจะตายแต่ได้รับผลไม่คุ้มค่า ข้อนี้ขอแซงว่าเราได้ระลึกถึงใจเราที่ได้ทำมาแล้ว นึกมาแล้ว ทุกขณะจิตหรือไม่ บางรายในอดีตเรานึกอิจฉาริษยาเขาด้วยใจล้วนๆ ก็มี ได้เปล่งวาจาออกมาบ้างก็มี แต่กายยังไม่ได้ลงมือทำก็ตาม ผลของการนึกอิจฉาริษยาเขา ก็สามารถตามมาหาเราได้ ผลที่วาจากล่าวอิจฉาเขาก็ดี ก็สามารถมาตัดรอนเราได้เป็นยุคๆ เป็นสมัยๆ ผลของความชั่ว เหตุความชั่วที่เราได้ปลูกพืชไว้ในดวงใจ คือกิเลสในชาตินี้และชาติก่อนตั้งล้านๆ ล้านๆ ชาติที่ล่วงมาแล้ว มันไม่จบไม่เกษียณได้โดยง่ายเหมือนคดีดำคดีแดงในโรงในศาลภายนอก
ธรรมดาคนเรา ไม่ว่าผู้เขียนอยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี ผู้อ่านผู้ฟังอยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี โดยมากแล้วมักจะไม่ทวนดูใจของตนเป็นส่วนมาก ใจท่านผู้อื่นเหลวไหลกว่าตนทั้งนั้น โทษท่านผู้อื่นเห็นง่าย ฝ่ายตนเห็นยาก หาโขนสวมหัวตนเองหาได้ง่าย สวมให้ท่านผู้อื่นนั้นไม่อยากจะสวมให้โดยง่ายเพราะเกรงเสียเปรียบ เพราะมีกิเลสเป็นเจ้าใหญ่นายโต เป็นนายคุมนักโทษอยู่ในหัวใจ หรือรอบเมืองใจ เส้นผมบังภูเขาก็ว่า ขนตาบังแผ่นดินก็เรียก
คนผู้จะเลือกเหตุดี กรรมดี พืชดี ก่อนลงมือทำได้ ท่านผู้นั้น กลุ่มนั้น จำนวนนั้น พรรคนั้น ต้องเป็นผู้ใจสูงธรรมสูงอยู่ในเขตของพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งมีหิริละอายบาป โอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปทั้งที่ลับและที่แจ้ง เป็นต้นทุนของใจเสียก่อน ของเจตนาเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ จะมาทุ่มเทเมตตากรุณาสั่งสอนได้ เพราะเขาเรียนและสอบวิชาปัญหาโลกแตกได้เทียบกับปริญญาเอกแล้ว เหนือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายไปอีกด้วยซ้ำ
เพราะเขาสำคัญตัวใหญ่เกินไปจนไม่มีที่วางได้ เพราะโลกมันแคบ ปรารภน้อยไม่พออธิบาย ปรารภหลายท่านผู้อ่านผู้ฟังก็เบื่อหู แต่อาศัยว่าเจตนาดีก็เขียนไป เมื่อเจตนาดีแล้ว แม้จะบกพร่องบ้างก็คงไม่ห่างจากประตูแบ่งเบาได้ จะให้ถูกจริตนิสัยกันไปหมดเป็นของทำได้ยาก แต่ก็เอาธรรมะของพระพุทธศาสนาเป็นแว่นดวงใจแว่นดวงธรรมอยู่ มิได้เลยเถิด และความพอดีในโลกนี้มีอยู่ระดับใดโดยแท้ ขอให้พระธรรมฝ่ายความจริงไม่หนีไปจากความจริงในชั้นนี้ เป็นศาลอัยการ
ความอยากได้ประจำขันธสันดานอยู่ทุกท่าน ที่ยังไม่พ้นจากกิเลสทั้งหลายโดยสิ้นเชิง (เว้นพระอรหันต์เสีย) เหลือนั้นแล้วจะปฏิเสธไม่ได้ ต้องอาศัยปัญญาดูตาม้าตาเรือเสียก่อนอะไรๆ ก็จะคว้าเข้าปากเคี้ยว เคี้ยวไม่ละเอียดแล้วกลืน เจอก้าง ยาพิษโต้งๆ ก็มียาพิษเคลือบน้ำตาลก็มี (อบายมุขทุกประเภทยาพิษโต้งๆ เน้อ) กัดปลาชนไก่ สิ่งไหนๆ ที่ขัดต่อศีลห้า เป็นยาพิษทั้งนั้นยาแก้หรือหมอดีวิเศษที่วางยาถูก ก็คือเว้นเสียไม่ล่วงละเมิด
พระบรมศาสดาเป็นห่วงโลก ก็ไม่ใช่ว่าจะไปทำไร่ไถนา ปลูกปอ ปลูกมันเผือกอะไรๆ ให้องค์ท่านแนะนำให้ทำมาหากินเลี้ยงชีวิตในทางที่ชอบ ให้เสบียงทางอามิสเป็นต้นทุนก่อนต้นทุนด้านจิตใจโต้งๆ ให้มีความเห็นชอบ เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น แต่เมื่อมีความไม่เห็นชอบแล้ว พระองค์ท่านจะเห็นชอบแทนเราก็ไม่ถูกอีก เป็นเพียงชี้บอกทางดีชี้บอกทางเสื่อมเท่านั้น
ครั้นทรงสั่งและทรงสอนด้วยพระมหาเมตตากรุณาจบสิ้นเชิงบริบูรณ์ไม่บกพร่อง คือผู้ปฏิบัติตามได้ประโยชน์โดยสมควรแก่การปฏิบัติ มี โสดา, สกทา, อนาคา, อรหันต์แต่ละประเภทก็หลายๆ ล้าน ทั้งเพศหญิงเพศชายด้วย เทียบหยาบๆ คล้ายกับเกลือใครจิ๊บก็เค็มทั้งนั้น เว้นประสาทพิการเสีย คือชิวหาประสาทพิการ เปรียบเหมือนบ้าใบ้เสียจริตผิดมนุษย์ ไม่สามารถจะรู้ความหมายของธรรมะได้ลึกซึ้ง หรือไม่รู้เลยก็ว่าได้ ก็หมดหนทาง พระองค์ทรงวางอุเบกขาเสีย เพราะกรรมเก่าของเขายังหนักมากช่วยไม่ได้ต้องรอคิวพระพุทธเจ้าองค์อนาคตไม่อยากรอก็เป็นการจำเป็นรอ อยู่ในตัวตามกรรมของสัตว์ต่อไป
ส่วนบรรดาท่านผู้ล่วงละเมิดพระพุทธเจ้าอย่างหนัก มีพระเทวทัต เป็นต้นและฝ่ายโยมมีสุปปพุทธะ เป็นต้น จนถึงกับแผ่นดินสูบเอาทั้งเป็นเหล่านี้ผู้ล่วงอย่างกลางอย่างเพลาก็มีมากหลายจนจะนับไม่ไหวเสียแล้วกรรมก็นำสนองตามให้เห็นประจักษ์แก่ตาทุกรายไปการที่มีทั้งผลของความดีและผลของความชั่วบริบูรณ์นี้ย่อมเป็นพยานเอกของคำสอนของพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว
ฉะนั้น ก่อนหน้าที่พระองค์จะเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ก่อนหน้าพระองค์จะสิ้นลมปราณจึงได้เปล่งอุทานสั่งเสียว่า ท่านทั้งหลายทุกถ้วนหน้าอย่าได้พากันประมาทรีบพากันด่วนปฏิบัติธรรมชิงเวลาของความตายเพราะสังขารทั้งหลายที่มีใจครองและไม่มีใจครองเกิดขึ้นแล้วมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดาทุกข์อย่าได้ถือว่าสนุกจนลืมเนื้อลืมตัวลืมใจลืมธรรมเน้อ ธรรมคำสอนที่เราสอนแล้วนั่นเองจะเป็นศาสดาแทนเราอยู่ตามเคยไม่ลดละผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา
ถ้าไม่เห็นธรรมแล้วจะจับชายจีวรเราอยู่ ก็เรียกว่าไม่เห็นเราเราเทศนาสั่งสอนไว้บริบูรณ์เปิดเผยไม่มีลี้ลับแล้ว เราใช้หนี้พวกท่านทั้งหลายหมดแล้วเราไม่เป็นห่วงพวกท่านทั้งหลายอีกแล้ว เราจะขอลาพวกท่านทั้งหลายไปละมีใจความและความหมายในพระมหาปรินิพพานสูตร ปัจฉิมโอวาทคำสั่งสอนและคำสอน
............................
คัดมาจาก...หนังสือ หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐, เดือนกันยายน ๒๕๕๓ ขอบคุณลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี