เรื่องเล่าขนหัวลุกในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวของคุณปืน จากอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองแล้ว ที่คุณปืนได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุกกับแนวหน้าออนไลน์
ย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีที่แล้ว สมัยคุณปืนปลดประจำการทหารเกณฑ์ใหม่ๆ อายุ20ปีกว่าๆ ช่วงนั้นคุณปืนก็ยังใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ กินเที่ยวเฮฮากับเพื่อนฝูงไปวันๆ
คืนหนึ่งคุณปืนกับเพื่อนๆรวม 4 คน ก็ชวนกันขับรถเก๋งไปเที่ยวในตัวเมืองนครสวรรค์ ซึ่งบ้านคุณปืนอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 120 กม. หลังจากไปเที่ยวสังสรรค์จนหน่ำใจแล้ว ก็ชวนกันกลับบ้านประมาณตี 2 กว่าๆ
คุณปืนก็ขับรถผ่านเส้นถนนสายใน ถนนอำเภอเมือง ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นถนนสายหลัก 4 เลนแล้ว ใช้ความเร็วประมาณ 160-170 กม./ชม. ในระหว่างกลับก็คุยเฮฮากับเพื่อนๆมาตลอดทาง
จนมาถึงถนนเส้นหลัก สายท่าตะโก-นครสรรค์ ช่วงเส้นเข้าโค้งพระนอน ระหว่างขับรถไปนั้น สายตาคุณปืนก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชาย อายุ 4-5 ขวบ ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลไม่สวมเสื้อ กำลังนั่งเล่นในศาลาริมทาง
จากนั้นเพื่อนของคุณปืนปากไวก็เลยพูดว่า 'ดึกขนาดนี้แล้ว ยังมีเด็กมานั่งเล่นแถวนี้อีกหรอวะ'
คุณปืนก็เลยตอบว่า 'น้องเค้าอาจจะรอพ่อแม่ไปขายผักก็ได้ เพราะเส้นนี้มีตลาดสดอยู่ ตอนนี้ตี2แล้ว พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งร้านแล้ว'
ระหว่างนั้นคุณปืนก็ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงก่อนเข้าโค้งด้วยความเร็วเกือบ 120 กม./ชม. อยู่ๆเพื่อนคุณปืนที่นั่งข้างหลังก็บอกว่า 'ปืนมึงขับเร็วกว่านี้ได้มั้ย'
คุณปืนก็ตอบเพื่อนว่า 'นี่ก็เร็วสุดแล้วนะ' และเพื่อนที่นั่งข้างหลังอีกคนก็บอกย้ำอีกว่า 'มึงขับเร็วๆหน่อย ช่วยเหยียบคันเร่งเพิ่มอีกได้มั้ย'
ด้วยความสงสัยคุณปืนจึงถามว่า พวกมึงเป็นอะไร แต่เพื่อนคุณปืนไม่ตอบอะไร นั่งเงียบกริบ
ระหว่างนั้นคุณปืนจึงมองกระจกหลังเห็นเพื่อนนั่งนิ่ง เลยเหลือบตามองไปข้างรถทางขวามือ ก็ช็อกสุดขีด เมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนที่นั่งเล่นอยู่ในศาลาที่เพิ่งขับผ่านมา กำลังวิ่งตีคู่แข่งกับรถที่ตนขับมา ด้วยความกว่า120 กม./ชม.
แม้คุณปืนจะตกใจสุดขีดแต่ก็ตั้งสติได้ บอกกับตัวเองในใจว่า 'ต้องผ่านจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ตอนนั้นคุณปืนบอกว่า คันเร่งมีเท่าไร ตนก็เหยียบจนมิด'
ต่อจากนั้นในระหว่างทางกลับ ภายในรถไม่มีการพูดคุยใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต่างนั่งเงียบ จนคุณปืนส่งเพื่อนๆถึงบ้านครบทุกคน ขณะที่เพื่อนๆลงจากรถ ไม่มีคำทักทายบอกลาใดๆ ทุกคนต่างรีบเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ผ่านไป คุณปืนทราบข่าวมาว่า เพื่อนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถทั้งสองคนเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการช็อกสุดขีด เพื่อนอีกคนอาการหนักมาก คือช็อกจนหัวใจเกือบหยุดเต้น
'ผมเหลือบตามองเห็นเด็กวิ่งตีคู่รถ แต่พอผมมองผ่านกระจกหลังและกระจกข้างกลับไม่เห็นอะไร แต่พอชำเลืองมองข้างรถทางขวามือด้วยตาเปล่า ผมกลับเห็นเด็กกำลังวิ่งตามรถอยู่ ทุกคนเห็นกันหมดทั้ง4 คน แต่คนช็อกที่สุด คือเพื่อนสองคนที่นั่งข้างหลัง'
หลายอาทิตย์ผ่านไป หลังเพื่อนๆหายดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณปืนและเพื่อนๆก็ไม่เข็ด ยังสงสัยในสิ่งที่เจอ อยากรู้ความจริงว่ามันคืออะไร จึงชวนขับรถไปที่ศาลาแห่งนั้นอีก
เมื่อไปถึงคืนนั้นบริเวณดังกล่าวมีงาน มีการฉายหนังกลางแปลง จัดบูธขายของ ทำให้บรรยากาศไม่น่ากลัวเท่าไร คุณปืนจอดรถและเดินลงไปกับเพื่อนกัน 2 คน ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ที่ช็อกหนักเข้าโรงพยาบาล ไม่ยอมลงไปด้วย ยืนยันว่าจะขอนั่งรอในรถเท่านั้น
เมื่อคุณปืนลงไปแล้วก็เดินไปเจอป้อมตำรวจ จึงไปถามตำรวจตรงป้อมนั้น คุณปืนเล่าเรื่องให้ตำรวจคนนั้นฟัง พอตำรวจได้ยินแล้วก็หัวเราะบอกว่า 'โอ๊ยไม่ใช่พวกคุณคนเดียวหรอกครับที่เจอ คนอื่นเค้าก็เจอกันประจำ เพราะสมัยก่อนมีแม่ลูกมายืนรอรถ ที่ศาลาริมทางตอนเย็นๆ แล้วเจอรถสิบล้อแหกโค้งพุ่งชนสองแม่ลูกตายคาที่ คนแถวนั้นเจอประจำ แต่จะเจอแต่ผีเด็ก ส่วนผีแม่ของเด็กไม่มีใครเจอ'
คุณปืน เล่าอีกว่า ปัจจุบันถนนเส้นนี้ มีการก่อสร้างขยายถนนตัดเป็น 4 เลนแล้ว และในจุดที่ตั้งศาลาริมทาง ตอนนี้ก็กลายเป็นพื้นผิวถนนไปแล้ว ซึ่งตรงจุดนั้นจะเป็นทางเลี้ยวเข้าหมูบ้าน และทางเลี้ยวเข้าสนามแข่งรถชื่อดังของจังหวัดนครสวรรค์
และในทุกครั้งที่ตนต้องขับรถผ่านถนนเส้นนี้ ก็ยังจำจดเรื่องหลอนในคืนนั้นได้เสมอไม่เคยลืม...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี