2 มิ.ย.64 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สำรวย ยอดฟ้าอิน” โพสต์เรื่องราวฮือฮาที่ขำไม่ออก โดยระบุข้อความว่า “เกิดอุบัติเหตุช่วง 23.00 น. ของมื้อคืนนี้ครับ รถสิบล้อชนคนตาย หัวเละ พอดีทางบ้านซาดมีคนหายเป็นคนขี้เหล้า บ่ได้เข้าบ้านแต่มื้อคืน ทางบ้านกะนึกว่าศพที่โดนรถเหยียบอาจจะแม่นลูกชายจะของที่หายไป กับแขนมีรอยสักบ่งบอกของรูปลักษณ์เป็นอย่างดี ทางเจ้าหน้าที่กะเลยจัดส่งศพที่ว่ามาไว้ทางบ้านตามที่ญาติพี่น้องบอกมา กะเลยพากันเตรียมงานหาหมู หาเหล้ายามาไว้ กะพากันจัดสรรฆ่าไปโตนึ่งพุ่นละ เต้นกะกางไปหลายหลังเติบ แต่เหตุการณ์กับมาพลิกผัน คนที่ว่าหายกลับมาบ้านช่วงสายของมื้อเช้านี่เอง เฮ็ดให้คนในหมู่บ้านตกใจพอสมควร พอดีหมู่บ้านข้างๆ กันคนกะหายไปพอดี กับรอยสักกะคือกันกะเลยเรียกญาติพี่น้องเขามาเบิ่ง กับชุดที่สวมใส่ในที่เกิดเหตุตรงกันเป๊ะ เขากะเลยทำการย้ายศพกันไปอีกหมู่บ้านนึ่งกะประมาณนี้แหล่ะครับ”
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ คือ นายสำรวย ยอดฟ้าอิน ชาวบ้านซาด ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนประมาณ 5 ทุ่มได้เกิดอุบัติเหตุรถชนคนเสียชีวิต ที่ถนนสายแคนดง - สตึก บริเวณบ้านหนองหัวแคน ต.สระบัว อ.แคนดง สภาพศพศีรษะเละจนจำหน้าผู้เสียชีวิตไม่ได้ว่าเป็นใคร กระทั่งมีญาติของนายสงัด สายวัน หรือล้าน อายุ 35 ปี ซึ่งหายออกจากบ้าน 3 วันแล้ว จึงเข้าใจว่าเป็นศพของนายสงัด ที่หายจากบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรียบร้อย จึงให้กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน แต่พอช่วงสายนายสงัด ซึ่งทางญาติคิดว่าเสียชีวิตแล้วได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นกลับมาที่บ้าน ก็สร้างความตกใจให้กับญาติและชาวบ้านที่ไปร่วมงานศพ ทั้งงงว่าถ้านายสงัด ไม่ได้เสียชีวิตแล้วในโลงเป็นศพของใคร
เมื่อเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 51 บ้านซาด ต.สระบัว ซึ่งเป็นบ้านของนายสงัด หรือล้าน ที่ญาติเข้าใจว่าเป็นศพที่ถูกรถชนเสียชีวิตก็พบว่า ได้มีการตั้งเต็นท์จัดงานศพจริง และมีชาวบ้านมาช่วยกันประกอบอาหารเพื่อไว้สำหรับเลี้ยงญาติพี่น้องและแขกที่มาช่วยงาน ที่สำคัญพบรูปถ่ายของนายสงัด ที่เขียนระบุุ วันชาตะ และมรณะ ไว้เรียบร้อย เพื่อใช้สำหรับตั้งหน้าโลงศพ และสถานที่สำหรับสวดศพที่ญาติได้นิมนต์พระมาสวดไปแล้ว แต่โลงศพและศพผู้เสียชีวิตในโลง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นศพของนายวุฒิชัย พูนวงษ์ อายุ 35 ปี ชาวบ้านหนองหัวแคน ต.สระบัว อ.แคนดง ได้ส่งกลับไปที่โรงพยาบาลและญาติของนายวุฒิชัย ผู้ที่เสียชีวิตจริงๆ ได้รับกลับไปประกอบพิธีที่บ้านแล้ว
สอบถามนายสงัด หรือล้าน คนที่ญาติและชาวบ้านคิดว่าเสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองไปหยอดน้ำกรดและกรีดยางช่วยเพื่อนที่บ้านยางน้อย จึงนอนที่บ้านเพื่อนไม่ได้กลับบ้าน 3 วัน กระทั่งเมื่อช่วงสายได้ขับรถ จยย.ใส่รถเข็นพ่วงท้ายหญ้ามาให้ควายด้วย พอมาถึงก็เห็นที่บ้านมีการตั้งเต็นท์คนเต็มบ้าน ตอนแรกก็คิดว่า คนในบ้านเสียชีวิต แต่พอเดินเข้าไปกลับพบรูปหน้าศพเป็นรูปของตัวเอง ก็ตกใจ ทั้งญาติและชาวบ้านเองก็ตกใจที่เห็นตัวเองเหมือนกันก็พูดติดตลกไปว่า “นี่...ตายแล้วเหรอ” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คิดว่าพ่อน่าจะเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ถูกรถชนเสียชีวิตเป็นตนเอง จึงนำกลับมาจัดงานศพที่บ้าน
ด้านนายไพรัตน์ สายวัน อายุ 61 ปี พ่อของนายสงัด บอกว่า เมื่อคืนที่มีอุบัติเหตุรถชนตนก็เดินทางไปดูศพที่เกิดเหตุแต่สภาพศพถูกเหยียบจนหน้าเละจนจำไม่ได้ว่าเป็นศพใคร แต่ตนเห็นรอยสักที่แขนของศพคล้ายกับรอยสักของลูกชาย จึงเข้าใจว่าเป็นศพลูกชายจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนกู้ภัยจะนำศพมาส่งที่บ้าน พอรุ่งเช้า ผญบ.ก็ประกาศเสียงตามสายว่าลูกชายตนเสียชีวิต ก็มีชาวบ้านมาช่วยตั้งเต็นท์ ทำอาหารจัดงานศพ และนิมนต์พระมาสวดเรียบร้อย กระทั่งเกือบเที่ยงลูกชายก็ขับรถ จยย.บรรทุกหญ้ามาที่บ้าน ทุกคนต่างก็ตกใจช็อกกันทั้งงาน จากนั้นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนำศพส่งไปยัง รพ. แล้วมาทราบภายหลังว่าศพที่ตายเป็นชาวบ้านใกล้เคียง และญาติได้มาติดต่อรับกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ส่วนหมู และอาหารที่สั่งมาก็จะถือโอกาสประกอบหาร ไว้ทำบุญบ้านและสะเดาะเคราะห์ให้กับลูกชายไปในตัวเลย
จากนั้นได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 73 ม.3 บ.หนองหัวแคน ซึ่งญาติกำลังทำพิธีสวดอภิธรรมศพ นายวุฒิชัย พูนวงษ์ อายุ 35 ปี ผู้ที่เสียชีวิตตัวจริง ก็มีญาติและเพื่อนบ้านมาร่วมงานต่างก็พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่นางประถม พูนวงษ์ พี่สาวคนตาย กล่าวว่า ปกติอยู่บ้านคนละหลังกับน้องชายได้ข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนคนแต่ไม่ได้ไปดูที่เกิดเหตุ เพราะไม่ได้คิดว่าเป็นน้องชายตัวเอง กระทั่งมารู้ทีหลังว่าน้องของตนเองไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน และมีคนมาบอกว่าศพที่ถูกรถชนไม่ได้ศพของนายสงัด เพราะนายสงัดกลับมาบ้านแล้ว แต่น่าจะเป็นศพของน้องชาย ตนเองมากกว่า จึงได้เดินทางไปดูที่ รพ.ก็จำรอยแผลเป็นที่มือ ที่เท้า และเสื้อผ้าของน้องชายได้ จึงยืนยันกับเจ้าหน้าที่และขอรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ก็ไม่มีใครคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร แค่อยากให้คนที่ขับรถชนน้องชายเสียชีวิตมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี