เรื่องเล่าขนหัวลุกในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวของคุณปืน จากจังหวัดนครสวรรค์
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามแล้ว ที่คุณปืนได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุกกับแนวหน้าออนไลน์
โดยเรื่องราวครั้งนี้ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนั้น เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ในวันเผาศพลูกสาวของเพื่อนสนิทคุณปืน
คุณปืนเล่าว่า คุณนะเป็นเพื่อนสนิทของตนเองตั้งแต่สมัยเด็กๆ คุณนะมีลูกสาว 1 คน อายุ 16 ปี ชื่อว่าน้องอุ๊บอิ๊บ เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ซึ่งน้องป่วยเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เกิด และได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
โดยทางญาติได้ตั้งบำเพ็ญกุศลสวด 7 วัน ที่วัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครสวรรค์ แต่ด้วยหน้าที่การงานที่คุณนะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ทำให้มาร่วมงานเผาศพลูกสาวไม่ทัน เพราะคุณนะเป็นเจ้าของรถพ่วง มีอาชีพขับรถพ่วงรับส่งสินค้าไปกลับ กทม.-ยะลา ใช้ระยะเวลาเดินทางไปกลับ 3 วัน แล้วกว่าจะเดินทางถึงบ้านนครสวรรค์ ก็รวม 4 วัน ทำให้วันนั้นคุณนะกลับไปไม่ทันวันเผาศพลูกสาวสุดที่รัก
คุณปืน เล่าว่า วันนั้นคุนนะไปไม่ทันพิธีเผาศพ เพราะด้วยช่วงโควิด ทางวัดเลื่อนเผาศพให้เร็วขึ้นจากเดิมเวลา 16.00 น. เลื่อนเป็นเวลา14.00 น. ตอนนั้นคุณนะและคุณปืนไปถึงวัดประมาณ บ่ายสี่โมงกว่าๆ ก็ได้เจอเจ้าอาวาส ซึ่งทั้งสองคนก็รู้จักกับท่านเจ้าอาวาสเป็นอย่างดี ท่านเจ้าอาวาสก็บอกว่า ให้คุณนะขึ้นไปดูลูกที่หน้าเมรุ สัปเหร่อกำลังเผาศพอยู่ คุณนะก็ขึ้นไปดูและเห็นเปลวเพลิงกำลังไหม้ศพอยู่พอดี เพราะว่าสัปเหร่อจะแง้มประตูไว้ก็เลยมองเห็นผ่านช่อง
ระหว่างนั้น คุณนะก็ไปยืนอยู่ข้างปากประตูเมรุที่เผาศพ ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นเป็นพักใหญ่ๆเพราะคิดถึงลูกสาว คุณปืนก็เลยเดินลงมารอเพื่อนข้างล่างตรงบันไดหน้าเมรุ และไม่นานคุณนะก็เดินลงมายืนข้างคุณปืนแล้วจุดบุหรี่สูบ
ขณะนั้นเอง คุณปืนก็ได้กลิ่นแป้งเด็กจอห์นสัน ก็เลยหันไปถามเพื่อนว่า 'มึงยังใช้แป้งจอห์นสันอยู่หรอ'
คุณนะก็ตอบว่า 'ไม่ได้ใช้นะ วันนี้กูไม่ได้ทาแป้งมา' พอคุณนะพูดจบก็ทิ้งบุหรี่ทันทีและพูดว่า 'รู้มั้ยลูกกูใช้แป้งจอห์นสัน' พร้อมกับร้องไห้เสียใจอย่างหนัก
คุณปืน บอกว่า ตอนนั้นขนลุกไปทั้งตัวเลย เพราะตรงนั้นมีเพียงคุณปืนและคุณนะยืนอยู่ ซึ่งทั้งคู่ใส่แมสสองชั้นและหน้าการเฟสชิว แต่กลับได้กลิ่นแป้งเด็กชัดเจน ทั้งที่จุดนั้นก็มีลมพัดอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังได้กลิ่นแป้งชัดเจนไม่จางหายไปไหน
คุณปืน บอกว่า ตอนนั้นตนยืนอยู่เหนือลม แต่กลิ่นก็ยังอยู่ตรงนั้นประมาณ 10 นาที ก็เลยชวนกันกลับและนัดกันว่าก่อนเข้าบ้าน จะไปกินข้าวต้มในตลาดตัวเมืองนครสวรรค์ ก่อนขึ้นรถเก๋ง คุณปืนก็บอกเพื่อนว่า เดี๋ยวจะนั่งหลังนะ คุณนะหันมามองหน้าคุณปืน คุณปืนเลยบอกว่า 'ให้คุณนะนั่งข้างหน้ากับลูกสาว'
พอเข้ามาในรถปรากฎว่า กลิ่นแป้งเด็กก็ฟุ้งอยู่ในรถด้วย คุณนะก็เลยพูดลอยๆว่า 'ไปลูกจะไปกินข้าวกับพ่อและลุงใช่มั้ย ขึ้นรถมาลูก'
คุณปืน เล่าอีกว่า ช่วงขับรถไปกินข้าว 10 นาทีที่นั่งอยู่ในรถ ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรเลย เพราะกลิ่นแป้งเด็กก็ยังฟุ้งอยู่ในรถ พอใกล้ๆจะถึงร้านข้าวต้ม คุณนะก็เปิดกระจกเพื่อจะสูบบุหรี่ คุณปืนก็เลยกดเปิดกระจกข้างหลังด้วย เชื่อมั้ยว่า กลิ่นแป้งเด็กยังคละคลุ้งอยู่ในรถ แม้ว่าคุณนะจะนั่งสุบบุหรี่อยู่ก็ตาม กลิ่นแป้งเด็กกลบกลิ่นบุหรี่หมดเลย
คุณปืนพูดว่า เดี๋ยวขอลงหน้าร้านข้าวต้มนะ และมึงกับลูกก็ขับรถไปจอดก่อน แล้วค่อยเดินตามมาที่ร้านนะ เท่านั้นแหละคุณปืนบอกว่า พอก้าวขาลงจากรถก็ไม่ได้กลิ่นแป้งอีกเลย
คุณปืนนั่งรอคุณนะในร้านข้าวต้ม และเจ้าของร้านข้าวต้มซึ่งรู้จักกันก็เดินเข้ามาถามคุณปืน ว่าคุณนะไม่ได้มาด้วยกันหรอ คุณปืนบอกว่า คุณนะเอารถไปจอด
พอคุณนะมาถึง ก็สั่งอาหารเจ้าของร้านก็ถามว่า มากี่คน
คุณปืนบอกว่ามา 2 คน เจ้าของร้านก็ถามย้ำว่าแน่ใจหรอ
คุณปืนเลยถามเจ้าของร้านว่า พี่เห็นหรอ ถ้าเห็นงั้นเอาข้าวมา 3 ถ้วย กับข้าวอย่างละ 3 อย่าง
จากนั้นเจ้าของร้านก็เดินมาและเอาธูปมาให้ 1 ดอก คุณนะก็จุดธูปแล้วปักไว้ที่ถ้วยข้าวกลางโต๊ะ เจ้าของร้านบอกว่า ทำอย่างนี้ลูกจะได้กินด้วย ซึ่งเจ้าของร้านข้าวต้มนี้ รู้จักกับคุณปืนและคุณนะอยู่แล้ว ก็เลยรู้ว่า ลูกสาวคุณนะเสียชีวิตและเพิ่งเผาวันนี้
จากนั้นคุณปืนกับเพื่อนก็คุยไปกินข้าวไปเรื่อย แต่ก็ขนลุกไม่หยุด ส่วนคุณนะก็กินข้าวไปน้ำตาซึมไป
หลังจากกินข้าวเสร็จเพื่อนคุณปืนก็สั่งเบียร์มากิน นั่งพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันไป
คุณปืนกับเพื่อนนั่งที่ร้านข้าวต้มจนเกือบ 4 ทุ่ม คุณปืน เล่าว่า ตอนนั้นไม่ได้กลิ่นแป้งเด็กแล้ว อยู่ดีๆกลิ่นก็หายไปตั้งแต่จุดธูปตอนกินข้าว
คุณปืนก็เลยบอกคุณนะว่า ตอนนี้ไม่ได้กลิ่นแป้งแล้ว คุณนะก็เลยบอกว่า 'อ๋อกูพูดในใจว่า ให้ลูกสาวกลับไปบ้านย่าก่อน บอกว่าเดี๋ยวพ่อกินข้าวกินเบียร์เสร็จแล้วพ่อจะตามไป'
จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งพูดคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน
หลังจากคุณนะกลับถึงบ้านแล้ว คุณปืน เล่าว่า คืนนั้นคุณนะก็ยังได้กลิ่นแป้งเด็กอยู่ อาจเป็นเพราะลูกสาวมาลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหลังจากคืนนั้น คุณนะก็ทำบุญให้ลูกสาวน้องอุ๊บอิ๊บ และก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้อีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี