นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ พรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ อุจฺจเร อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ ปชาย อนุกมฺปกาติ. บัดนี้ จักแสดงพระธรรมเทศนา พรรณนาอานิสงส์ที่บุตรธิดาจะพึงได้จากการเลี้ยงมารดาบิดา เพื่อเตือนใจท่านผู้ฟัง ให้เกิดสำนึกในเรื่องนี้สืบต่อไป
คำว่า มารดา แปลว่า ผู้นับถือบุตร คือ นับถือว่าเป็นลูกของตน, แปลว่า ผู้รักษาบุตร คือ รักษาลูกของตนให้มีความสุขกายสุขใจ, แปลว่า ผู้ยังลูกให้ดื่ม คือ ดื่มน้ำนม ดื่มเครื่องดื่มและดื่มรสอื่น ๆ, แปลว่า ผุ้อันบุตรพึงนับถือ คือลูกๆ ทุกคนต้องนับถือมารดาของตนยิ่งกว่าคนอื่น
คำว่า บิดา แปลว่า เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีของสัตว์โลกทั้งหมด หมายความว่า สัตว์โลกคือผู้เกิดมา ทุก ๆ คนต้องมีพ่อ เมื่อเห็นพ่อก็ต้องดีใจชื่นใจด้วยกันทั้งนั้น, แปลว่า ผู้รักษาสัตว์โลกทั้งปวง หมายความว่า พ่อของลูกทุก ๆ คน ต้องรักษาคุ้มครองป้องกันลูกของตนทุกวิถีทาง เพื่อให้ปลอดภัยมีความสุขทุกประการ, แปลว่า ผู้รักใคร่บุตร หมายความว่า พ่อทุกคนต้องรักใคร่นับถือ เอ็นดู สงสารลูกของตน
มารดาบิดามีพระคุณแก่บุตรธิดามาก ดังพุทธภาษิตที่ยกขึ้นเป็นหัวข้อ เทศนาว่า พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร เป็นต้น แปลว่า มารดาบิดาท่านว่าเป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ เป็นผู้ควรบูชาของบุตร และเป็นผู้อนุเคราะห์หมู่สัตว์ฯ ซึ่งจะได้วิสัชนาต่อไป
คำว่า มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร หมายความว่า มารดา บิดาย่อมประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม หรือธรรม ๔ ประการคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในบุตร คือ ท่านปรารถนาให้บุตรธิดามีความสุข จึงอุตส่าห์ทะนุถนอมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตั้งใจคอยสอดส่องหาอุบายที่จะให้บุตรธิดาประสบสุขทุกเมื่อ เมื่อได้ทราบว่ากิจการใดจักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่บุตรธิดา แม้จะต้องพร่าประโยชน์และสุขส่วนตนก็ยอมมุ่งความสุขสำราญแก่บุตรธิดาเป็นเบื้องหน้านี้ คือ ท่านมีความเมตตาความรัก ท่านปรารถนาให้บุตรธิดาพ้นทุกข์ คอยสอดส่องถึงเหตุการณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อมเสีย อันจะพึงมีแก่บุตรธิดาเสมอ
เมื่อทราบว่ามีทุกข์ขึ้นก็รีบขวนขวายแก้ไขป้องกันจนสุดความสามารถนี้คือท่านมีกรุณาความสงสาร เมื่อท่านได้ทราบว่าบุตรธิดาของตนมีความสุขสำราญ ได้รับผลสำเร็จจากการงาน ได้ตำแหน่งหน้าที่ ท่านไม่อิจฉาริษยา มีแต่พลอยยินดีด้วยความจริงใจ ต้องการให้บุตรธิดาเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป นี้ท่านมีมุฑิตาความยินดีตาม เมื่อได้ทราบว่าบุตรธิดามีความสุขความเจริญตามสมควรแก่ฐานะแล้ว ก็ไม่จัดการแก้ไข หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจแก่บุตร ธิดา แต่คอยเพ่งดูอยู่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างใด ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดีจะได้ป้องกันและแก้ไข หาใช่วางเฉยโดยมิได้ทำอะไรก็หาไม่ นี้ท่านมี อุเบกขาคือความวางเฉย บิดามารดามีคุณธรรมคือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ทั้ง ๔ นี้ประจำใจ จึงเรียกว่าท่านเป็นพรหมของบุตร
คำว่า เป็นบุรพาจารย์ หมายความว่า ท่านเป็นอาจารย์คนแรกของบุตรก่อนอาจารย์อื่นทุกคน ท่านสอนให้นั่ง ให้เดิน ให้กิน ให้เรียกพ่อเรียกแม่ สอนให้รู้ว่าคนไหนเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นปู่ย่า เป็นตายาย เป็นลุง ป้า น้า อา สอนให้รู้จักสิ่งที่ควรทำไม่ควรทำ รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ ส่วนอาจารย์อื่น ๆ เป็นอาจารย์ทีหลัง สอนทีหลังพ่อแม่ทั้งนั้น
คำว่า เป็นผู้ควรบูชาของบุตร หมายความว่า มารดาบิดาเป็นเขตแห่งอุปการคุณ เหมือนพระสงฆ์เป็นเขตแห่งบุญ คือ ท่านมีพรหมวิหารธรรมต่อบุตรธิดาหาประมาณมิได้ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรับซึ่งสิ่งของ มีเสื้อผ้าอาหาร เงินทองที่บุตรธิดานำมา แลผู้ให้ย่อมได้รับผลคุ้มค่าไม่เสียเปล่า
คำว่า เป็นผู้อนุเคราะห์หมู่สัตว์ หมายความว่า สงเคราะห์บุตรธิดาให้รู้ให้เห็นทั้งสิ่งที่น่าต้องการ ไม่น่าต้องการ เลี้ยงดูบุตรธิดาให้เจริญเติบโต ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่ามารดาบิดาเป็นผู้อนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ คุณของบิดามารดาซึ่งมีต่อบุตร เมื่อจะกล่าวให้สั้นพอจำง่ายมีดังนี้คือปลอบโยนลูกผู้ร้องไห้ด้วยน้ำนม ด้วยเพลงขับ และด้วยเครื่องกก คืออ้อมกอดของท่าน ให้ลูกได้รับความอบอุ่น
การสัมผัสอ้อมกอดของแม่ แล้วนอนหลับไปอย่างเป็นสุข ไม่ให้ลมและแดดถูกลูก พยายามปกปักรักษาไว้เป็นอย่างดีคุ้มครองป้องกันทรัพย์สมบัติของตนไว้เพื่อลูก ได้รับความทุกข์ยากลำบากในการเลี้ยงดูลูก ด้วยประการต่าง ๆ เป็นพระพรหมของลูก เพราะเต็มเปี่ยมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นเทวดาของลูก เป็นอาจารย์คนแรกของลูก เป็นพระของลูก เป็นผู้อนุเคราะห์ลูกด้วยปัจจัย ๔ ห้ามลูกไม่ให้ทำความชั่ว ให้ลูกตั้งอยู่ในความดี ให้ลูกศึกษาศิลปวิทยาต่าง ๆ หาสามีภรรยาที่สมควรให้มอบทรัพย์สมบัติให้ในสมัย
ในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า แม้ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ จนลูกตายหรือพ่อแม่ตาย ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าข้าว ป้อนน้ำนม ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาเป็นอย่างดี
การบำรุงมารดาบิดา มี ๒ อย่าง คือ บำรุงภายนอกและบำรุงภายใน
บำรุงภายนอก ได้แก่ นอบน้อมด้วยกาย แสดงความเคารพด้วยวาจา สักการะด้วยอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัย เฝ้ารักษาพยาบาลในเวลาไม่สบาย เลี้ยงท่านทำการงานของท่าน บำรุงภายใน ได้แก่ ดำรงวงศ์ตระกูล ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับทรัพย์มรดก รักษาน้ำใจท่าน ชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธา ในศีล ในการฟังธรรม
ลูกอกตัญญูไม่รู้จักคุณพ่อแม่ ต้องเสื่อมจากประโยชน์ที่ควรได้ควรถึงดังเรื่องตัวอย่างต่อไปนี้ มิตตวินทกุมารเป็นลูกเศรษฐีมีทรัพย์มากในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป แม่ห้ามไม่ให้ไปค้าขายทางเรือ แต่ไม่เชื่อฟัง แม่จับไว้ก็ไม่ยอมฟังสลัดแม่ให้ล้มลง ทำให้แม่ลำบาก พอไปถึงกลางทะเลถูกจับลอยแพว่ายไปที่เกาะแห่งหนึ่ง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถูกกงจักรหมุนหัวอยู่ในแดนของเปรต ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ท่านสาธุชนทั้งหลาย ถ้าพ่อและแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ควรเลี้ยงดู บำรุงท่านทั้งภายนอกและภายในดังกล่าวมานั้นถ้าท่านหาชีวิตไม่แล้วควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลเครื่องเสริมสุขสมบัติส่งไปให้ท่านตามควรแก่ฐานะก็จะมีความเจริญงอกงามในหน้าที่การงาน และเจริญด้วยยศศักดิ์เพราะผลแห่งความกตัญญูรู้คุณและกตเวทีตอบสนองดังวิสัชนามาด้วยประการฉะนี้
ที่มาหนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๒๐ ขอบคุณลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี