"...ลักษณะของผู้ที่มาเกิดจากอบาย จะเป็นคนที่อาภัพวาสนาบารมี ในทางตรงกันข้ามผู้ที่มาเกิดจากสวรรค์ จะเป็นผู้มาเกิดด้วยวาสนาบารมี ได้ร่างกายที่สวยงามผิวพรรณผ่องใส มีเงินมีทองร่ำรวย เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย มีอาการ ๓๒ ครบสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มีอายุยืนยาวนาน มีนิสัยใจคอที่ดี เป็นคนใจบุญใจกุศล นี่คืออานิสงส์ของการทำบุญ เวลามาเกิดก็จะมาเกิดด้วยบุญบารมี แล้วก็จะมาทำบุญต่อจะไม่ทำบาป ถ้าทำบาปก็อาจจะน้อยกว่าทำบุญ นี่คืออนาคตของพวกเราถ้าเรายังมีการทำบุญทำบาปกันอยู่ ยังมีความอยากที่จะหาความสุขจากสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้อยู่ คือยังอยากมีความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ เราก็จะกลับมาเกิดอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าความอยากนี้เป็นตัวที่จะดึงดวงวิญญาณของพวกเราให้มามีร่างกายอันใหม่ เพื่อที่เราจะได้ใช้ร่างกายอันใหม่เป็นเครื่องมือหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆ และการหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะก็จะหาโดยวิธีทำบาปบ้างไม่ทำบาปบ้าง ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์สถานภาพของตน ขึ้นอยู่กับนิสัยเดิมด้วย
ถ้ามีนิสัยเดิมชอบหาทำอะไรด้วยวิธีทำบาปก็มักจะใช้วิธีทำบาป ถ้าเป็นนิสัยที่ไม่ชอบทำบาปก็จะหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสโดยวิธีไม่ทำบาป แล้วพอตายไปก็จะไปรับผลบุญผลบาปในโลกทิพย์ต่อไป ในโลกของจิตวิญญาณ จนกว่าบุญกับบาปนั้นหมดกำลังที่จะดึงเอาไว้ ก็จะปล่อยให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ นี่คือพวกที่ยังมีความอยากหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญสุขอยู่ แล้วก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่เบื่อกับการหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรส คนกลุ่มนี้ก็จะไปหาความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง คือหาความสุขจากการทำใจให้สงบด้วยการนั่งสมาธิเข้าฌานก็จะไปอยู่แบบนักบวชหรือเป็นนักบวช เพราะไม่มีความต้องการที่จะหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย เนื่องจากเห็นว่าถึงแม้จะเป็นความสุข แต่เวลามันไม่มีก็ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้อย่าแสนสาหัส จึงอาจจะเข็ดหลาบอจากการที่จะต้องทุกข์กับการสูญเสียความสุขทางลาภยศสรรเสริญ ทางรูปเสียงกลิ่นรสไป จึงเลยไปเปลี่ยนวิธีหาความสุขด้วยการหาความสุขจากการทำใจให้สงบให้เข้าฌานในระดับต่างๆได้ บุคคลเหล่านี้ถ้าตายไปก็จะไปเกิดบนสวรรค์ที่สูงกว่าสวรรค์ชั้นเทพ สวรรค์ที่บุญส่งไป
สวรรค์ชั้นพรหมนี้เป็นสวรรค์ที่ฌานหรือสมาธิเป็นผู้ส่งไป เป็นสวรรค์ที่มีความสุขมากกว่าสวรรค์ชั้นเทพ มีอยู่ ๒ ระดับ ระดับ รูปพรหม กับ อรูปพรหม ผู้ที่นั่งสมาธิได้รูปฌานขั้นต่างๆ ก็จะได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นรูปฌาน ผู้ที่ได้สมาธิระดับอรูปฌานก็จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นอรูปพรหม แต่สวรรค์ทั้ง ๒ ระดับนี้ก็ยังเป็นสวรรค์ที่เสื่อมได้ เพราะยังอยู่ภายใต้กฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พอสมาธิหมดกำลังลง ฌานหมดกำลังลง จิตก็จะเลื่อนกลับลงมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อีกรอบหนึ่ง พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมาหาความสุขแบบที่เคยหา คือไปหาความสุขแบบนักบวช เราจึงมีคนจำพวกนี้อยู่ในโลกนี้คือพวกที่เป็นนักบวช เราอาจจะไม่เข้าใจว่า เอ๊ะทำไมเขาถึงต้องไปบวชกัน ทำไมเขาไม่อยู่แบบเรา มีครอบครัวแบบเรา มีความสุขแบบเรา ก็เพราะว่าเขาเคยมีแต่เขาเข็ด เวลาที่เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เขารักไปสิ่งที่ให้ความสุขกับเขา เพราะเขาเห็นว่ามันไม่เที่ยงเขาเลยอยากจะหาความสุขแบบที่ไม่ต้องเสียเสียไป ความสุขแบบที่ไม่เสียก็คือความสุขที่ได้จากการเข้าสมาธิ ทำใจให้สงบ เข้าฌานขั้นต่างๆ อันนี้สามารถเข้าได้ตลอดเวลาถ้าเรารู้จักวิธีเข้าแล้ว แล้วจะมีความสุขไปจนวันตายจากการเข้าฌานเข้าสมาธิขั้นต่างๆ แต่ยังต้องกลับมาเกิดใหม่ ต้องกลับมาเติมฌานกลับมาเติมสมาธิใหม่ เหมือนกับรถยนต์ที่เราวิ่งไปไหนมาไหน เดี๋ยวเราก็ต้องแวะจอดตามสถานีบริการต่างๆ เพื่อเติมน้ำมันถึงจะวิ่งต่อไปได้ ภพของมนุษย์นี้เป็นเหมือนสถานีบริการที่เรามาเติมบุญก็ได้เติมบาปก็ได้ เติมสมาธิก็ได้
นี่คือการไปของพวกเราหลังจากที่ร่างกายของพวกเราตายไปแล้ว เราจะไปตามกรรมของเรา กรรมก็คือการกระทำของเราในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นี้ คำว่ากรรมนี้แปลว่าการกระทำ ไม่ได้หมายความว่าบาป แต่บางครั้งเราก็ใช้คำว่ากรรมแทนว่าบาป แต่โดยทั่วไปคำว่ากรรมนี้แปลว่าการกระทำ ก็มีการกระทำหลายรูปแบบ กระทำบาปก็เป็นรูปแบบหนึ่ง กระทำบุญก็เป็นรูปแบบหนึ่ง เข้าฌานเข้าสมาธิก็เป็นกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง และเมื่อทำแล้วก็จะมีการสะสมผลของกรรมเหล่านี้ไว้ในดวงใจ พอร่างกายตายไป ผลของกรรมเหล่านี้ก็จะส่งผลทำให้เป็นดวงวิญญาณที่ทุกข์หรือเป็นดวงวิญญาณที่สุข หรือเป็นดวงวิญญาณที่สงบ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราทำกันอยู่ในขณะนี้
ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่แล้วเราก็จะทำอย่างนี้กันไปเรื่อยๆ ท่านเรียกว่าเป็นการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ สังสารวัฏก็คือภพ ไตรภพที่เราอยู่กันนั่นเอง พวกที่เสพกาม พวกที่หาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสก็จะเกิดในกามภพ ผู้ที่เสพรูปฌานก็จะไปเกิดในรูปภพ พวกทีเสพอรูปฌานก็จะไปเกิดในอรูปภพ ก็จะเวียนไปเวียนมาอย่างนี้ พอไปสวรรค์ไปอบายหรือไปรูปภพหรืออรูปภพ แล้วเดี๋ยวก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ กลับมาเกิดเพื่อมาเติมบุญเติมบาปเติมฌานกันใหม่ จะเป็นอย่างนี้ไปไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ ที่จะรู้วิธีที่จะดึงดวงวิญญาณที่ท่องเที่ยวอยู่ในไตรภพ ที่ติดอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิดของไตรภพนี้ ให้ออกจากไตรภพไปได้ เพราะพระพุทธเจ้าจะทรงมีความขวนขวาย ทรงไม่ปรารถนาที่อยากจะกลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายอยู่เรื่อยๆ
จึงได้ทรงค้นหาทางที่จะออกจากการเวียนว่ายตายเกิด พอได้ทรงค้นพบทาง พระองค์ก็เป็นผู้ที่หลุดออกจากไตรภพเป็นคนแรก พอได้หลุดออก รู้ทางว่าจะออกจากไตรภพนี้ออกอย่างไร ก็กลับมาสั่งสอนผู้ที่ติดอยู่ในไตรภพอย่างพวกเรา ถ้าพวกเรามีความปรารถนาที่ไม่อยากจะกลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายกันอยู่เรื่อยๆ อย่างที่เป็นกันอยู่ในขณะนี้ เราก็จะทำตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ขั้นต้นพระพุทธเจ้าก็สอนว่าให้ปิดประตูอบายก่อน ก่อนจะออกจากไตรภพได้ต้องปิดประตูอบาย
การปิดประตูอบายก็คือระงับเหตุที่พาให้ไปเกิดในอบาย คือกระทำบาป ๕ ข้อด้วยกัน คือ ๑.การฆ่าสัตว์ ๒.การลักทรัพย์ ๓.การประพฤติผิดประเวณี ๔.การพูดปด และ ๕.การดื่มสุรายาเมาและอบายมุขอื่นๆ เช่นการเล่นการพนัน การเที่ยวเตร่ ความเกียจคร้านและคบคนที่ชอบอบายมุขเป็นมิตร เพราะอบายมุขนี้เป็นจะผลักดันให้จิตใจต้องไปทำบาปนั่นเอง เนื่องจากการเสพอบายมุขนี้ไม่มีรายได้มีแต่รายจ่าย ถ้าเสพอบายมุขไปเรื่อยๆ ก็จะไม่มีเวลาไปทำมาหากินหารายได้ เงินทองที่มีอยู่ถ้าใช้กับการเสพอบายมุขต่อไปก็จะไม่พอใช้ พอไม่พอใช้ก็จะต้องไปหาเงินทองโดยวิธีทำบาปนั่นเอง ไปหลอกลวงโกหกหลอกลวง ไปลักทรัพย์ไปฉ้อโกง หรืออาจจะต้องไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อให้ได้เงินทองมาเสพอบายมุขต่อ
ดังนั้น ถ้าต้องการจะปิดประตูอบายไม่ทำบาปก็ต้องอย่าไปเสพอบายมุขด้วย อย่าดื่มสุรา อย่าเล่นการพนัน อย่าเที่ยวเตร่ อย่าเกียจคร้าน อย่าคบคนที่ชอบอบายมุขเป็นมิตรเป็นเพื่อน เพราะถ้าคบกับเขาเป็นเพื่อน เขาชอบดื่มสุราเขาก็จะชวนเราไปดื่มสุรา เขาชอบเล่นการพนันเขาก็จะชวนเราไปเล่นการพนัน เขาชอบเที่ยวเตร่เขาก็จะชวนเราไปเที่ยวเตร่ เขาชอบความเกียจคร้านเขาก็จะชวนให้เราเกียจคร้าน เราก็จะมีแต่ใช้เงินใช้ทองไม่มีรายได้ พอเงินทองไม่พอใช้ก็ต้องไปหาโดยวิธีง่ายๆเร็วๆ ก็คือวิธีทำบาปต่างๆ ถ้าไม่เสพอบายมุขเราก็จะมีรายได้และก็จะสามารถรักษารายได้เก็บไว้ใช้กับสิ่งที่จำเป็นได้ ทำให้เราไม่ต้องไปทำบาป เพราะเราจะมีเงินทองพอกินพอใช้อยู่เรื่อยๆ นี้คือข้อที่ ๑ การที่จะออกจากสังสารวัฏ ออกจากไตรภพ ภพของการเวียนว่ายตายเกิด
เบื้องต้นให้ปิดประตูอบายก่อน ถ้ายังกลับมาเกิดก็อย่างน้อยก็มาเกิดในภพที่ดีคือภพของเทวดาของมนุษย์หรือของพรหม แต่จะไม่ไปเกิดในภพของอบาย ไม่ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานเป็นเปรตเป็นอสูรกายไปนรก ถ้าเรารักษาศีล ๕ ได้ ละเว้นจากการเสพอบายมุขต่างๆ ได้ ถ้าเรายังทำบาปอยู่ยังเสพอบายมุขอยู่ เราก็ควรจะตั้งสัจจะอธิษฐานว่าต่อไปนี้จะขอลด ถ้ายังเลิกแบบทั้งหมดไม่ได้ก็ขอลดการเสพอบายมุขของการทำบาปให้น้อยลงไปตามลำดับ ลดเท่าที่เราทำได้ในเบื้องต้นก่อน พอเราทำได้แล้วต่อไปเราก็จะมีกำลังที่จะทำได้เพิ่มมากขึ้นไปเอง ลดทีละข้อก่อนทีละอย่างก่อนก็ได้ เคยติดสุรายาเมาก็เลิกดื่มสุรายาเมาหรือดื่มให้น้อย ลดลงสักครึ่งหนึ่ง เคยกินขวดหนึ่งลดลงเหลือสักครึ่งขวด เคยกินทุกวันก็ลดเหลือแค่วันเว้นวัน อะไรทำนองนี้ไปก่อน ค่อยๆ ลดลงไปถ้าเราไม่มีกำลังที่จะลดแบบฮวบฮาบ แต่ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อมีความกลัวผลของบาปของอบายมุข เราอาจจะสามารถเลิกแบบเด็ดขาดเลยก็ได้ เลิกเสพอบายมุขเลิกกระทำบาปเลย พอเราปิดประตูอบายได้แล้ว ขั้นต่อไปท่านก็มาสอนให้เรามายกระดับจิตของเราให้ขึ้นสู่ระดับของเทพของพรหมต่อไป..."
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี