ศิษยานุศิษย์ "เจ้าคุณบัวศรี" ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ชี้ พศ.แถลงตอบสาเหตุปลดเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย ยืนยันไม่จบพร้อมเดินหน้าขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าคุณบัวศรี ขณะที่ "มหานิยม" ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย สวนกลับนายกฯปัดความรับผิดชอบไล่ให้ไปตามหาไอ้โม่งแอบสอดไส้มติ มส.พร้อมจองกฐินนายกฯเปิดสภาเมื่อไรเจอกัน
ความคืบหน้ากรณีมหาเถรสมาคม (มส.) มีคำสั่งแต่งตั้งพระสังฆาธิการ และถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป ซึ่ง 1 ในนั้นมีพระเทพสารเมธี หรือเจ้าคุณบัวศรี อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) รวมอยู่ด้วยทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) และญาติธรรมได้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกับมีมติคัดค้าน เพราะมองว่าไม่เป็นธรรม
ล่าสุดวันที่ 13 ต.ค.64 บรรยากาศที่วัดประชานิยม เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ มีพุทธศาสนิกชนชาว จ.กาฬสินธุ์ และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาทำบุญและร่วมปฏิบัติธรรมกันตามปกติ โดยวันนี้ช่วงเช้ามีรายงานว่า "เจ้าคุณบัวศรี" ได้ลงหอฉันปฏิบัติกิจตามปกติ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ดังคำปรารภที่ปรากฏในไลน์ของคณะสงฆ์สายวัดป่ากาฬสินธุ์และศิษยานุศิษย์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ระบุว่าเจ้าคุณบัวศรี ได้ปรารภและส่งไลน์เพื่อขอบใจคณะสงฆ์ โดยมีเนื้อหาใจความว่า "ขอขอบใจ ขอบคุณในน้ำใสใจจริงของคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ทุกท่านที่มอบให้ และแสดงออกให้ประจักษ์ ผมอยากจะออกจากตำแหน่งนี้นานแล้วแต่ไม่สมหวัง มาบัดนี้ได้พ้นแล้ว ถึงแม้จะไม่สวยแต่ก็ได้ออกตามคำสั่งขององค์กรปกครองสูงสุด จะไม่ขออุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น ยินดีรับ ผมจะถูกหรือผิดนั้น ขอให้ทุกท่านได้พิจารณา ผมทำงานมานานแล้วเป็นเวลา 35 ปี ก็สมควรที่จะออก ไม่ออกปีนี้ปีต่อไปก็จะได้ออกอยู่ดี "เพราะฉะนั้นเรื่องของผมให้เป็นอันยุติเสีย"
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าคุณบัวศรีจะมีคำปรารภออกมา แต่บรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว เนื่องจากคำชี้แจงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค.64 กรณีถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) นั้นเป็นคำตอบที่ไม่ชัดเจนสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนอย่างมากว่าสาเหตุของการถอดถอนเกิดจากอะไร โดยประชาชนยังคงรอคำตอบที่ชัดเจนจาก พศ.และยังคงร่วมลงชื่อในระบบออนไลน์ต่อเนื่องเพื่อคัดค้านมติของ มส.
ล่าสุดมีรายงานว่ายอดผู้ลงชื่อมากกว่า 2 แสนคนแล้วและพร้อมที่จะเดินหน้าขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าคุณบัวศรีถึงที่สุด ทั้งการทำหนังสือถึงคณะกรรมาธิการศาสนาและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมาธิการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร และการยื่นถวายฎีกา
ขณะที่ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้โทรศัพท์มาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า มส.เป็นผู้ออกมติปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูปนั้นไม่จริงเพราะ มส.บอกว่า ไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องที่สำนักพุทธฯพิมพ์ไปให้เลขาพระสังฆราชอ่าน ซึ่งสมเด็จชินก็ยืนยันเอง แม้แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็พูดตรงกัน นายกฯ ไม่ได้สนใจปัญหาพระศาสนา มัวแต่ไปเดินสายหาเสียงเตรียมเลือกตั้ง จึงไม่รู้เรื่อง ทั้งที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน แทนที่นายกฯ จะไปตามหาไอ้โม่งที่แอบเอาเอกสารให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ใส่วาระการประชุมกลับปัดความรับผิดชอบโยนปัญหาไปให้ มส.
ดร.นิยมกล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเคยผ่านการบวชเรียนมา เห็นนายกฯ ของประเทศไทยพูดเช่นนี้ ยิ่งเศร้าใจ ห่วงใยพระเณรรุ่นหลังจะอยู่กันอย่างไร ขนาดคนเป็นนายกฯ ยังไม่เข้าใจกฎหมายพระสงฆ์พยายามบิดเบือนกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2563) ข้อ 5/1 (2) ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างบรรทัดฐานขึ้นมาใหม่ให้ข้าราชการยืมมือ มส.ปลดพระสังฆาธิการได้ โดยไม่ต้องมีการสอบสวน หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการตีความกฎหมายให้พระเณรอยู่ลำบาก จนถึงพระเณรร้างไปจากประเทศ
ดร.นิยมกล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่า การจะปลดพระจากตำแหน่งหน้าที่นั้นมันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเรื่องไปทำให้พระผู้ใหญ่ที่บวชมานานจนแก่เฒ่า มีมลทิน ต้องสอบสวนให้ได้ความจริงชัดเสียก่อน นายกฯ ต้องรู้ว่าการปลดพระสังฆาธิการออกจากตำแหน่งจะต้องมีการร้องเรียนความผิด ซึ่งระบุไว้เป็นข้อๆ อยู่แล้วในกฎมหาเถรสมาคม ถ้ามีการร้องเรียนว่า เจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูปท่านหย่อนยานเรื่องใด หรือมีพฤติการณ์ช่วยเหลือพระในปกครองให้พ้นผิดอย่างไรจะปลดเอาเฉยๆ โดยไม่สอบสวนไม่ได้ มันมีขั้นมีตอนตามกฎหมายระบุเอาไว้
"นายกฯ คงไปฟังข้อมูลผิดๆ จากการรายงานของสำนักพุทธฯว่ากฎมหาเถรสมาคมที่แก้ไขใหม่ สามารถปลดพระได้โดยไม่ต้องสอบสวน ผมขออธิบายข้อมูลที่ถูกต้องให้นายกฯ ได้เข้าใจว่า เป็นเพียงการเพิ่มขั้นตอนสุดท้ายเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่ได้ยกเลิกขั้นตอนการสอบสวน ถ้าจะไม่ให้มีการสอบสวนก่อน นายกฯ ก็ต้องสั่งให้เลิกกฎมหาเถรสมาคมฉบับ 24 เสีย เมื่อกฎหมายยังไม่ยกเลิกก็ยังต้องมีการสอบสวนตามขั้นตอน แต่เมื่อผู้ปกครองสงฆ์ไม่สอบสวน ถือเอาตามอำนาจที่ไม่ชอบที่ข้าราชการเขียนมาให้ และมีมติสั่งปลดเฉยๆ ผู้ปลดก็ถือว่าเป็นการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง เมื่อเจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน และกรรมการมหาเถรสมาคมละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรงเสียเอง แล้วพระเณรจะไปพึ่งใคร จะไปขอความเป็นธรรมจากใคร แถมถือเป็นความปิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.157" ดร.นิยม กล่าว
ดร.นิยม กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีข่าวออกมาว่า ที่ชาวบ้านลูกศิษย์ลูกหาออกมาเคลื่อนไหว เพราะพระยึดติดตำแหน่ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การยึดติดตำแหน่ง แต่ตำแหน่งทำให้พระท่านมีมลทิน เป็นเรื่องความไม่เป็นธรรมกับพระ เพราะมีกระบวนการนำมลทินไปแปดเปื้อนพระ ดังนั้น เราชาวพุทธต้องมาช่วยกันล้างให้สะอาด ตนมั่นใจว่า ในกรณีปลดโดยไม่มีการสอบนี้ หากลูกศิษย์ลูกหาของพระที่ถูกปลดลุกขึ้นสู้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ชนะ เพราะไม่ได้มีการสอบขึ้นมาก่อน
"ผมจึงถามย้ำแล้วย้ำอีกว่า เจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน อย่าให้ข้าราชหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายพระกันเอง ท่านได้สอบมาตามขั้นตอนของกฎมหาเถรสมาคมหรือไม่ มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบไหม มีใครบ้างเป็นคณะกรรมการ ผลการสอบเป็นอย่างไร ถ้ามีการสอบมาก่อน ก็ตอบว่าสอบสวน ถ้าไม่สอบสวนก็ตอบว่าไม่สอบสวน แต่ทุกฝ่ายก็อ้ำอึ้ง จนชาวบ้านเขาสงสัยในพฤติกรรมของมหาเถรสมาคมและสำนักพุทธฯ ตอนนี้ลามมาถึงนายกฯแล้ว เอาให้ชัด เมื่อไม่สอบสวน ก็ผิดขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องนี้ผมได้ตั้งกระทู้ถามนายกฯไปแล้ว เปิดสภาเมื่อไหร่ เจอกัน" ดร.นิยม กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี