รันทดชีวิต 2 ตายาย ตกงานเพราะพิษโควิด-19 ไร้เงิน ต้องโบกรถจากประจวบคีรีขันธ์เพื่อกลับบ้านที่กาญจนบุรี เดินทางรอนแรมอยู่เกือบสัปดาห์ อาศัยนอนตามศาลาริมทาง ขอข้าวคนใจบุญประทังชีวิต จนมาถึงสมุทรสาคร ชาวบ้านประสานหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ สุดท้ายพลเมืองดีอาสาขับรถไปส่งถึงกาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบ 2 ตายาย ตกรถไม่มีเงินกินข้าว ต้องมาอาศัยนอนพักอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนเศรษฐกิจ 1 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้ประสานไปยัง นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาครและปลัดอำเภอเมืองสมุทรสาคร เพื่อเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือ 2 ตายาย
เมื่อเดินทางมาถึงที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว พบ 2 ตายาย ทราบชื่อคือ นายปัญญา ภมรวงษ์ อายุ 54 ปี และ น.ส.นิภา ศรีนวล อายุ 61 ปี โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ฝ่ายชายเป็นคนพิการและมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานและไขมันในเส้นเลือด ซึ่งทั้งสองคนอยู่ในสภาพอิดโรย นั่งพักอยู่ใกล้ๆกับริมถนนเศรษฐกิจ 1 ภายในปั๊มน้ำมัน ข้างตัวมีกระเป๋าสัมภาระจำนวน 4 ใบ
จากการสอบถาม 2 ตายาย ทราบว่า ทั้งสองคนเป็นชาวบ้านจังหวัดกาญจนบุรี แต่ไปทำงานที่ร้านอาหารในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 5 ปี กระทั่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดตัวลง จึงตัดสินใจเดินทางกับบ้านใน อ.มะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี แต่ด้วยความที่ไม่มีเงินเนื่องจาก นายปัญญาฯ ต้องนำเงินไปรักษาตัว จึงต้องใช้วิธีโบกรถจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อกลับบ้าน โดยออกเดินทางด้วยการโบกรถมาได้ประมาณ 6-7 วัน อาศัยนอนตามศาลาพักผู้โดยสารหรือวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง และขอข้าวคนใจบุญกินประทังชีวิต จนกระทั่งเดินมาถึงที่จังหวัดสมุทรสาคร
เมื่อรถคันที่ 2 ตายายโบกมาจอดใกล้กับปั๊มน้ำมันดังกล่าว เป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น 2 ตายายจึงได้หาที่นั่งพักและเข้าไปขออาหารร้านค้าภายในปั๊มกินประทังชีวิต และเตรียมหาที่นอนพักค้างคืนภายในปั๊ม จนกระทั่ง นางอ้อ วิถีชอบ อายุ 53 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้เข้ามาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน และเห็นสภาพ 2 ตายาย จึงเข้าไปสอบถาม เมื่อทราบเรื่องราวได้เกิดความสงสาร ซื้อของกินให้กับ 2 ตายาย พร้อมขอเรี่ยไรเงินจากพนักงานร้านสะดวกซื้อและคนในปั๊มน้ำมันได้ 300 บาท เพื่อนำมาให้กับ 2 ตายาย รวมทั้งติดต่อมายังผู้สื่อข่าวเพื่อให้ช่วยประสานหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ขณะที่ นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร กำลังเข้ามาช่วยเหลือ 2 ตายาย โดยได้ประสานบ้านพักฉุกเฉิน เพื่อนำตัว 2 ตายาย เข้าไปพักในคืนนี้ก่อนที่จะพาไปส่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ในวันรุ่งขึ้น ได้มีพลเมืองดีทราบชื่อคือ นายยศพนธ์ธรณ์ ชมเกล็ดแก้ว อายุ 29 ปี ได้ทราบเหตุการณ์และได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากแฟนสาวของตนเอง จึงได้อาสาที่จะพา 2 ตายายไปส่งที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะไปส่งที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ตามความต้องการของ 2 ตายาย ที่จะเข้ารักษาตัวก่อนกลับบ้านที่อำเภอด่านมะขามเตี้ย โดยนายวุฒิพงษ์ฯ ได้มอบเงินติดตัวให้กับ 2 ตายาย 1 พันบาท และมอบเงินเพื่อเป็นค่าน้ำมันให้กับพลเมืองดีที่อาสาขับรถไปส่งอีก 1 พันบาท
นายยศพนธ์ธรณ์ ชมเกล็ดแก้ว พลเมืองดี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดนครปฐม ที่แวะเข้ามาในปั๊มน้ำมันเพื่อมากดเงินจากตู้ ATM ไปจ่ายค่าเสื้อในตลาดมหาชัย เมื่อแฟนมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง จึงได้อาสาที่จะขับรถไปส่ง 2 ตายาย โดยส่วนตัวชอบช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว เวลาเจอคนที่เดือดร้อนตกรถหรือต้องการให้ไปส่งที่ไหน ตนเองก็จะช่วยไปส่งให้เป็นประจำ
ขณะเดียวกัน นายวุฒิพงษ์ฯ ยังได้กำชับ 2 ตายาย เมื่อกลับไปถึงที่บ้านแล้ว ให้รีบไปดำเนินการขอรับสิทธิ์ผู้พิการและผู้สูงอายุที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งไปขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุที่ อบต.ในพื้นที่เพื่อจะได้เข้าถึงสวัสดิการรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมา 2 ตายาย ยังไม่เคยลงทะเบียนหรือขอรับสิทธิ์ในสวัสดิการที่รัฐจัดให้แต่อย่างใด
.
009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี