คำบอกเล่าของ “ตรีนุช เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ที่บอกเล่าถึงการเป็นพระนักพัฒนาของท่าน “พระปัญญาวชิรโมลี” ทำให้ความเป็นพระนักพัฒนาแห่งเมืองดอกบัวโดดเด่นขึ้น ในช่วงสัปดาห์นี้ แต่ไม่เพียงแค่ปรากฎการณ์จุดพลุเท่านั้น นี่หมายถึงสัญญาณตอบรับของ “รมว.ศธ.” ซึ่งเป็น “ก้าวสำคัญ” ของการเดินหน้า “โคก หนอง นา โมเดล” ไปสู่ “โคก หนอง นา บวร” ตามไอเดียของ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือ “ปลัดเก่ง”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ผ่านเฟสต์บุ๊กส่วนตัวชื่อ ตรีนุช เทียนทอง ว่า #โคกอีโด่ยวัลเลย์ พระปัญญาวชิรโมลี พระนักพัฒนาแห่งตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ได้เปลี่ยนพื้นที่กลางป่าจำนวน 14 ไร่ ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานทดแทน และการพึ่งพาตนเอง จนมีชื่อเสียงไปไกลถึงต่างประเทศ นักเรียนที่นี่ สามารถปลูกข้าว ทำเกษตรอินทรีย์เป็นอาหารกลางวัน สร้างบ้านดินด้วยเทคนิคเอิร์ธแบก สูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ควบคุมการเปิดปิดด้วยระบบ IOT และมีการบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบกักเก็บพลังงาน สมาร์ทมิเตอร์และระบบสื่อสารทางไกลไร้สาย พร้อมระบบซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer to Peer (P2P) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เรียกว่า "สมาร์ทกริดศรีแสงธรรม" หรือ "ERC Sandbox" ซึ่งยังมีอีกหลายกิจกรรมที่น้องๆ ได้เรียนรู้จากการลงมือทำ เรียกว่าเป็น Active Learning ที่ผสมผสานระหว่างหลักสูตรแกนกลางฯ และองค์ความรู้ท้องถิ่นอย่างลงตัว
“ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ดิฉันได้พบระหว่างการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการพลังงานทดแทน ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคก หนอง นา ณ วัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วยท่านนายกรัฐมนตรีและคณะ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15/10/64) ทำให้ดิฉันมีโอกาสเรียนรู้และเก็บความประทับใจจาก #โรงเรียนศรีแสงธรรม มาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านค่ะ#ตรีนุชเทียนทอง”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ถึง "โคกอีโด่ยวัลเลย์" ซึ่งเป็นชื่อที่สื่อถึงโครงการใหญ่ คือ โครงการ “โคก หนอง นา” โมเดลที่โรงเรียนศรีแสงธรรม ในวันที่ 19 ตุลาคม 2564 และ ก่อนหน้าเพียงวันเดียว คือ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการเรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ฉบับ ถึงพระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วงยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี โดยมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารและการขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทย เรียกว่า เป็นมิติแรกของประเทศไทยที่ “ข้าราชการ” ได้มีการกราบนมัสการเรียนเชิญพระเถรานุเถระเป็นลายลักษณ์อักษรเข้าไปนั่งตำแหน่ง “ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย”
ขณะที่ปัญญาวชิรโมลีนั้น เดินหน้าเรื่องเกษตรให้แก่เยาวชนและชุมชนให้นักเรียนรู้จักวิธีดำนา และเกี่ยวข้าวเอง จนปัจจุบันเปลี่ยนพื้นที่เป็นแปลงสาธิต “โคก หนอง นา” รวมทั้งได้รับพระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการพระราชทานโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง” วัดป่าศรีแสงธรรม รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ยังได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์มาสร้างศาลาปฏิบัติธรรมชื่อ “ศาลาปฏิบัติธรรม โคก หนอง นา ณ วัดป่าศรีแสงธรรม” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งท่านปัญญาวชิรโมลียังเป็นผู้ก่อตั้ง “โรงเรียนศรีแสงธรรม” มีอีกชื่อว่า “โรงเรียนเสียดายแดด” มีนักเรียนในโรงเรียนราว 200 ชีวิต
ท่านปัญญาวชิรโมลียังดำเนินโครงการความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food Bank โดยมีเป้าหมายพิชิตความอดอยาก โดยเน้นพลังงานธรรมชาติอย่าง “โซล่าร์เซลล์” ล่าสุดเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ชื่อ “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” วันแรกของการเปิดร้านมียอดขาย 300 แก้ว
สำหรับโครงการโซล่าร์เซลล์ มีท่านพิพัฒน์วชิโรภาสที่จับเรื่องโซล่าร์เซลล์พัฒนาชุมชน ภายใต้แนวคิด “โคก หนอง นา บวร” เป็นหลักหัวใจการพัฒนาท้องถิ่นทั่วประเทศไทย
เพราะฉะนั้น มิติแห่งการปกครองที่เชื่อมโยงกับพระสงฆ์ พระนักพัฒนา เข้ามามีบทบาทด้านการบ้านการเมืองการปกครองท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ จึงเป็นมิติใหม่สำหรับประเทศไทยในปี 2564 และ กระทรวงศึกษาธิการก็ส่งสัญญาณตอบรับพร้อมเป็นแรงผลักดัน “โคก หนอง นา บวร” ไปสู่เยาวชนไทย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี