เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ร่วมกับประมงจังหวัด และวัดกลางพระอารามหลวง ระดมเจ้าหน้าที่จับปลาออกจาก"สระสิงโต" สระน้ำศักดิ์สิทธิ์นำไปปล่อยเลี้ยงอนุรักษ์ในสระน้ำธรรมชาติและคลองละลมโบราณเพื่อให้น้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาด สามารถนำไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ
วันนี้ (28 ต.ค.64) เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับประมงจังหวัดบุรีรัมย์ และวัดกลางพระอารามหลวง นำเจ้าหน้าที่เทศบาล และเจ้าหน้าที่ประมง ร่วมกันจับปลาออกจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่ภายในวัดกลางพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีปลาหลากหลายชนิดอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งปลาขนาดใหญ่และขนาดเล็ก นำไปปล่อยเลี้ยงอนุรักษ์ไว้ที่สระน้ำธรรมชาติ และคลองละลมโบราณ ลูกที่ 4 และลูกที่ 6 เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณปลาที่มีจำนวนมาก และมีชาวบ้านมาให้อาหารปลา ทำให้น้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และน้ำอาจจะเสียส่งผลให้ปลาตายได้ จึงต้องนำปลาออกจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วไปปล่อยลงในสระน้ำธรรมชาติ และคลองละลมโบราณ เพื่อน้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาด สามารถนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งปลาส่วนใหญ่เป็นปลาดุก ปลานิล ปลาสวาย ปลายี่สก ปลาตะเพียน ปลาไน
สำหรับสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เดิมชาวบ้านเรียกว่า “สระสิงโต” ในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อกรุงเจ้าพระยาจักรี ซึ่งต่อมาได้เป็น (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ยกทัพมาตีเมืองจำปาศักดิ์ ทรงได้พักทัพที่บริเวณสระน้ำแห่งนี้ ในอดีตชาวเมืองอาศัยน้ำจากสระดังกล่าวสำหรับดื่มกิน และใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยนำน้ำในสระไปทำพิธีดื่มกินในพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถในปัจจุบัน และเมื่อคราวที่ทางราชการได้จัดพระราชพิธีมหามงคลต่าง ๆ ก็จะนำน้ำศักดิ์ศักดิ์จากสระแห่งนี้ไปประกอบพิธี
ในส่วนวัดกลางพระอารามหลวงดังกล่าว เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์มาแต่โบราณ ตั้งเมื่อ พ.ศ.2329 มีประวัติเล่าสืบต่อกันว่าสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไปปราบเจ้าเมืองนางรอง จัดระเบียบการปกครอง และได้หยุดพักทัพที่บริเวณนี้ ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดกลางบุรีรัมย์ และทางราชการได้มีประกาศยกวัดกลางเป็นพระอารามหลวง แห่งแรกของบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ.2533
พระเทพปริยัตยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าอาวาสวัดกลางพระอารามหลวง กล่าวว่า สาเหตุที่นำปลาไปปล่อยที่อื่น เพราะสระน้ำแห่งนี้ เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกติดปากว่า สระสิงโต ในสมัยโบราณชาวบ้านต่างนำน้ำในสระไปดื่ม ไปอาบ เพราะเมื่อก่อนไม่มีประปา มีแต่น้ำในสระสิงโตนี้ ต่อมาทางกรมศิลปากรได้มาปรับปรุงให้เป็นสระน้ำที่สวยงาม ระยะหลังได้มีชาวบ้านนำปลามาปล่อย เพราะว่าการปล่อยปลาในวัดถือว่าเป็นมงคลลงในสระแห่งนี้ ทำให้ปลามีปริมาณมากขึ้น ก็ทำให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่สะอาด
วันนี้ ทางประมง และเทศบาล ได้มาจับปลาในสระนี้ไปไว้ในสถานที่อื่นให้น้ำดูสะอาดขึ้น เพื่อสามารถนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ อย่างไรก็ดี ขอความร่วมมือญาติโยมทั้งหลายอย่าได้นำปลามาปล่อยลงในน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ขอให้นำปลาไปปล่อยที่อื่นแทน เพราะที่ผ่านมา ได้นำปลาขึ้นจากสระน้ำแห่งนี้มาแล้ว 2 ครั้ง
ด้านนายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ชาวบ้านจะนำปลามาปล่อยลงในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ในโอกาสต่างๆ ทั้ง วันเกิด ทำบุญ งานประเพณีต่างๆ อาจจะทำให้น้ำสกปรก ซึ่งที่ผ่านมา ทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ประมงจังหวัด และวัดกลางพระอารามหลวง ได้นำปลาที่มีจำนวนมากในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปปล่อยตามสระน้ำธรรมชาติ และคลองละลม เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี