เปิดผลสำรวจพบขาย “ลอตเตอรี่” ไม่สนกฎหมาย เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีก็ขายให้คาชุดนักเรียน แถม 98% เกินราคา 80 บาท จี้กองสลากคุมเข้มบังคับใช้ให้เป็นจริง เสนอ 4 ข้อคิด “4 รี”
18 พฤศจิกายน 2564 มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน และเครือข่าย Media Move ร่วมกันจัดเวที Talk online “ต่ำกว่า 20 ใครก็ขาย กฎหมายสลากบูด” พร้อมเปิดผลสำรวจ “การขายสลากให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี พ่วงด้วยการขายเกินราคา”
นางสาววศิณี สนแสบ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า จากการลงสำรวจ 55 จุดขาย ใน14 เขตของกรุงเทพมหานครและนนทบุรี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ให้น้องๆ อายุ 15-18 ปีไปลองขอซื้อสลากฯ พบว่าผู้ขาย 100% ขายสลากให้กับเด็กเยาวชน ไม่มีการสอบถามอายุ แน่นอนไม่มีการขอดูบัตรประชาชน และไม่เอะใจแม้เด็กแต่งชุดนักเรียน ยังให้คำแนะนำเลขเด็ด และเสนอให้ซื้อมากกว่า 1 ใบ เหมือนขายให้ผู้ใหญ่ตามปกติ
“ที่เป็นไปตามคาด คือ 98% ขายเกินราคา 80 บาท ขณะเดียวกันก็ทำการทดลองเข้าซื้อสลากทางแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดขายกันเต็มไปหมด พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถซื้อได้ แม้บางรายจะให้กรอกอายุหรือให้ติ๊กว่าอายุไม่น้อยกว่า 20 ปี แต่ไม่มีผลอะไร เด็กซื้อสลากได้อยู่ดี” นางสาววศิณี กล่าว
นางสาววศิณี กล่าวอีกว่า จึงน่าสงสัยว่าผู้ค้าสลากรู้หรือไม่ว่าได้ทำผิดกฎหมายหรือว่ารู้แต่ไม่กลัว เพราะคิดว่าการขายสลากให้เด็กเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย กลายเป็นว่าการทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำกันจนเคยชิน จึงอยากให้สำนักงานสลากฯ เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายสลากให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และมีมาตรการเข้มข้นเหมือนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวถึงสถานการณ์เด็กเยาวชน ว่า การพนันยอดนิยมในหมู่เด็กเยาวชนขณะนี้ ได้แก่ ไพ่ สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน แทงบอล และเกมพนันออนไลน์ ที่ผ่านมาผู้ใหญ่อาจเข้าใจผิดคิดว่าเด็กไม่เล่นหวย ซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่ ทุกวันนี้เด็กหันมาซื้อและขายหวยกันเยอะมาก ผลสำรวจของนักวิชาการ ล่าสุดพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 แสนคนที่ซื้อสลากฯ สมมติเด็ก 7 แสนคนนี้ซื้อสลากเดือนละ 1 ใบ ๆ ละ 80 บาท พวกเขาจะเสียเงิน 56 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 672 ล้านบาทต่อปี รัฐบาลได้ส่วนแบ่งตามกฎหมาย 23%
“เท่ากับรัฐบาลกินเงินเด็กปีละประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งมันควรเป็นเงินที่เขาจะได้นำไปใช้ทางอื่นที่เป็นประโยชน์มากกว่า เรื่องนี้รัฐบาลน่าจะต้องละอายที่ได้กินเงินเด็ก อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นเด็ก ฟังเด็ก และจริงใจกับเด็ก ด้วยการกระทำมากกว่าเป็นเพียงคำพูดหรือบทบัญญัติในกฎหมาย” นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล เพิ่งถูกแก้ไขเมื่อปี 2562 ให้มีบทลงโทษเพิ่มนอกจากการขายสลากเกินราคาแล้ว คือ การห้ามขายสลากให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี กับห้ามขายสลากในสถานศึกษา จึงเป็นไปได้ที่ผู้ขายและประชาชนอาจยังไม่รู้กฎหมายข้อนี้ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่สำนักงานสลากฯต้องทำให้พวกเขาได้รู้ และบังคับใช้กฎหมายให้เป็นจริง การขายสลากเกินราคาอาจจะแก้ยาก เพราะเกี่ยวข้องกับอิทธิพลและผลประโยชน์ แต่การห้ามขายสลากให้เด็กน่าจะทำได้อย่างตรงไปตรงมา
“ถามว่าทำไมต้องปกป้องเด็ก เพราะสลากเป็นการพนันประเภทหนึ่งที่ดูดเงินจากกระเป๋าของคนจำนวนมากไปเข้ารัฐ แล้วรัฐนำเงินมาจัดสรรให้กับคนถูกรางวัลเพียงหยิบมือ คือ เพียง 1.4% เพราะในสลาก 1 ล้านใบจะมีคนได้รางวัลเล็กหลักพันบาทประมาณ 14,000 คน ได้รางวัลหลักหมื่นบาทประมาณ 160 คน ส่วนรางวัลหลักแสนได้แค่ 7 คน และหลักล้านบาทมีเพียงคนเดียว โอกาสถูกรางวัลมีน้อยมาก เด็กจึงไม่ควรเข้ามาเสี่ยงที่จะเสียเงินในเรื่องนี้ เด็กอาจจะคิดได้ว่าเขาอยากจะรวยเพื่อไปช่วยให้พ่อแม่ไม่ต้องลำบาก ซึ่งเป็นความคิดที่น่าชื่นชม แต่รัฐบาลควรส่งเสริมให้เขาเป็นนักทำมาหากินมากกว่าจะมาหวังโดยการเป็นนักเสี่ยงโชค” นายธนากร กล่าว
ทั้งนี้ อยากฝากข้อเสนอต่อสำนักงานสลากฯ 4 ข้อ เพื่อทำให้การบังคับใช้กฎหมายเรื่องนี้เป็นจริง
1. รีดีไซน์ (redesign) ออกแบบใบสลากใหม่ เน้นข้อความไม่ขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีให้ชัดเจน เพราะใบสลากถือเป็นสื่อที่เข้าถึงคนหลายสิบล้านในทุกๆ สองสัปดาห์ ถ้าใช้พื้นที่สื่อนี้ให้คุ้มค่าจะเป็นประโยชน์มาก
2. รีไมน์ (remind)มีมาตรการเตือนผู้ค้ารายย่อยให้ต้องทำตามไม่เช่นนั้นจะถูกตัดโควตา รวมถึงจัดทำป้ายประกาศ ณ จุดขายต่างๆ กำหนดให้ต้องติดในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน รวมถึงควรมีการรณรงค์ให้สังคมได้เข้าใจ หากผู้ค้ารายย่อยราวแสนรายที่เป็นคู่สัญญาของสนง.ทำจริงจังเรื่องนี้ ก็น่าจะมีผลให้ผู้ค้ารายย่อยอื่น ๆ ทำตาม
3.รีเลิร์น (relearn) เพราะทุกวันนี้สังคมไทยเรียนรู้การพนันแบบเข้ารกเข้าพงไปมากโดยมีสลากกินแบ่งเป็นตัวนำ เช่น เชื่อว่าถูกหวยเป็นเรื่องง่าย เฉียดคือใกล้ถูก เป็นต้น ซึ่งหลายประเทศพยายามรณรงค์ให้ความรู้แก่เด็กเยาวชนและประชาชนของเขาให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการพนันอย่างถูกต้อง และอยู่กับการพนันอย่างรู้เท่าทัน
4. รีทิงค์ (rethink) คือทบทวนความคิดใหม่ ยอมรับว่าสลากคือการพนัน อย่าเลี่ยงบาลี ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ให้สังคมเกิดความเข้าใจตรงกัน เพราะทุกวันนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากที่สับสนว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลกับหวยใต้ดินใช่หรือไม่ใช่การพนัน พอคิดว่าไม่ใช่เป็นแค่การเสี่ยงโชค ก็เข้าหามันอย่างไม่คิดอะไรมากเท่าที่ควร การทำความจริงให้มีเพียงหนึ่งเดียวเพื่อหยุดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แล้วใช้เป็นโอกาสในการสร้างการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้คนของเราอยู่ร่วมกับการพนันได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ด้าน น.ส.กมลพรรณ สมหวัง ตัวแทนเยาวชน กล่าวว่า สังคมรอบตัวที่เล่นหวยซื้อสลากกันจนเป็นธรรมดา พ่อแม่ใช้ให้ลูกชี้สลากบ้าง หรือให้ลูกใบ้เลขบ้าง รวมถึงการรายงานข่าวของสื่อต่างๆ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ล้วนมีผลต่อเด็กและเยาวชน เป็นการปลูกฝังค่านิยมพนันแก่เขาโดยไม่รู้ตัว เป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้เด็กคิดว่าการพนันเป็นเรื่องปกติ ยิ่งปัจจุบันในโลกออนไลน์เข้าถึงง่ายมาก เด็กเยาวชนมีโอกาสถูกชวนให้พนันตลอดเวลา หากเรื่องการไม่ขายสลากให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปียังทำไม่ได้ แล้วจะให้พวกเขามีความเชื่อมั่นอะไรต่อผู้ใหญ่ในการจะปกป้องเขาจากอันตรายใด ๆ ที่ใหญ่หลวงกว่านี้
“อยากให้รัฐบังคับใช้กฎหมายให้เป็นจริง ทำให้คนรู้สึกว่าเมื่อทำผิดแล้วถูกปรับจับจริงคนก็จะไม่กล้ากระทำผิด การที่เด็กซื้อหวยเพราะเขาอยากรวย ก็ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ ถ้าบ้านเรามีสวัสดิการที่ดี มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่านี้ ประชาชนคงไม่มาหวังรวยด้วยวิธีนี้” น.ส.กมลพรรณ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี