23 พฤศจิกายน 2564 นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพการรถไฟ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเผยสาเหตุทำไมการรถไฟถึงขาดทุน โดยระบุว่า....
อย่าพูดว่าการรถไฟฯขาดทุนโดยไม่พูดให้หมดว่าที่ขาดทุนนั้นขาดทุน และเป็นหนี้เพราะอะไร
นโยบายของรัฐบาลทุกยุคสมัยให้การรถไฟให้บริการโดยสารแก่ประชาชนในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง ความจริงคือต้นทุนดำเนินการต่อผู้โดยสาร 1 คน เดินทาง 1 กิโลเมตร การรถไฟฯจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2 บาทต่อกิโลเมตร แต่รัฐบาลให้การรถไฟฯเก็บราคาค่าโดยสารเพียง 24 สตางค์ต่อกิโลเมตร
จะไม่ให้ขาดทุนได้อย่างไร?และการรถไฟฯไม่ปรับราคาค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 2528 เป็นเวลากว่า 36 ปี
พ.ร.บ.การรถไฟฯ พ.ศ.2494 มาตรา 43 ระบุไว้ว่า"รายได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับจากการดำเนินงานให้ตกเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ รายได้ที่ได้รับในปีหนึ่งๆเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินงาน ค่าภาระต่างๆที่เหมาะสม เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา และเงินสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคาะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทยและครอบครัว เงินสำรองธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองขยายงาน และ เงินลงทุนตามที่ได้รับความเห็นชอบตามความในมาตรา 42 แล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่ายดังกล่าวนอกจากเงินสำรองที่ระบุไว้ในวรรคก่อนและการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่สามารถหาเงินจากทางอื่น รัฐพึงจ่ายให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเท่าจำนวนที่ขาด"
แต่รัฐจ่ายไม่เต็มจำนวน จ่ายล่าช้า จนถึงปัจจุบันงบการเงินของการรถไฟฯ ที่ระบุว่า" เงินค้างรับตามกฎหมาย" ชี้ให้เห็นว่า
รัฐค้างจ่ายการรถไฟฯตั้งแต่ปี 2550 จนถึงเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 249,347,968,511.08 บาท(สองแสนสี่หมื่นเก้าพันสามร้อยสี่สิบเจ็ดล้านเก้าแสนหกหมื่นแปดพันห้าร้อยสิบเอ็ดบาทแปดสตางค์)
ในแต่ละปีการรถไฟฯต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องและต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้กว่าปีละ 3,000 ล้านบาท
ดังนั้นเวลาพูดถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยขาด ทุน และเป็นหนี้นั้น ขอความกรุณาพูดให้ครบถ้วน การจงใจพูดไม่ครบถ้วนเท่ากับเป็นการให้ร้ายการรถไฟฯ พนักงานการรถไฟ คนรถไฟ
หรือหากไม่รู้ข้อมูล ไม่เข้าใจในประเด็นควรสอบถามข้อมูลให้ชัดมิฉะนั้นจะเข้าข่ายจงใจ เจตนา บิดเบือนสังคม
และอยากเรียนพี่น้องประชาชนให้ทราบและเข้าใจว่าอย่าเรียกร้องให้การรถไฟฯมีกำไรจากค่าโดยสารเพราะถ้าเก็บตามราคาต้นทุนประชาชนก็ต้องจ่ายค่าโดยวารที่แพงขึ้น ซึ่งสหภาพแรงงานรถไฟฯมีจุดยืนมาโดยตลอดว่าไม่เห็นด้วยในการเพิ่มภาระให้ประชาชน แต่รัฐต้องชดเชยผลการขาดทุนให้เต็มตามจำนวน และ ตรงเวลา
และขอให้พี่น้องประชาชนอย่าเรียกร้องให้รัฐขูดรีดประชาชน หากรัฐขาดทุนนั่นหมายถึงประชาชนมีกำไร ได้ลดรายจ่ายเพื่อนำรายได้ไปหล่อเลี้ยงจุนเจือครอบครัวไม่ใช่เฉพาะแต่การรถไฟฯ แต่ทุกรัฐวิสาหกิจควรเป็นนโยบายของรัฐ ให้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือช่วยเหลือประชาชน
ทั้งในเรื่องพลังงาน ขนส่ง โทรคมนาคม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม บริการ และอื่นๆ
ไม่ใช่เอาเงินภาษีประชาชนไปลงทุน แต่ สุดท้ายการบริหารจัดการ ประเคนให้เอกชนมาขูดรีดประชาชนของตนเองด้วย นโยบาย PPP และ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะแปรรูป ให้สัมปทานไปแล้ว คนเดือดร้อนคือพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่นั่นเองที่ยังต้องดิ้นรนทำงานสร้างฐานชีวิต ฐานครอบครับ
#save การรถไฟฯ
#save หัวลำโพง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี