นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการแก้ไข ดังนั้น บพท. จึงให้ความสนใจส่งเสริมให้มีนำวิชาความรู้จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าไปช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ โดยร่วมงานกับมหาวิทยาลัย 18 แห่ง
ดำเนินโครงการนำร่องใน 20 จังหวัด ตามแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ โดยใช้ชุดข้อมูลแผนที่ความยากจนประเทศไทย (Thai Poverty Map-TP Map) ที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดทำร่วมกัน และชุดข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ของกรมการพัฒนาชุมชน เป็นฐานการทำงาน
จากนั้น บพท. ได้พัฒนากระบวนการค้นหาสอบทานคนจนที่ตกหล่นจากระบบเพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก (deep data) โดยระบบ PPPconnext ซึ่งเป็นระบบข้อมูลที่แสดง
ทั้งปัญหาและทุนศักยภาพในการดำรงชีพคนจน 5 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม ทุนการเงิน ทุนกายภาพ ทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบบนี้จะสามารถวิเคราะห์และจำแนกกลุ่มเป้าหมายคนจนเป็น 4 ระดับ คือ ระดับอยู่ลำบาก อยู่ยาก พออยู่ได้ และอยู่ได้ ซึ่งเป็นเสมือนการตรวจเอกซเรย์เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงตามสาเหตุ
นายกิตติกล่าวต่อไปว่า กระบวนการค้นหาดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย 18 แห่ง ร่วมกับกลไกภาครัฐ ภาคประชาสังคม และขบวนองค์กรชุมชน มีข้อค้นพบที่น่าสนใจ คือ กลไกการมีส่วนร่วมส่งผลต่อการช่วยเหลือเร่งด่วน สำหรับคนจนที่เป็นคนป่วย คนชรา คนพิการ เป็นระบบส่งต่อลำดับแรก ต่อจากนั้นจะมีระบบส่งต่อในปัญหาสำคัญอื่นๆ เช่น ปัญหาที่อยู่อาศัย จะเข้าสู่โครงการบ้านพอเพียงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ปัญหาการศึกษาส่งต่อสู่กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ปัญหาสาธารณูปโภคส่งต่อหน่วยงานในพื้นที่ทีรับผิดชอบ ฯลฯ
รวมทั้งโครงการพัฒนานวัตกรรมแก้จนในหลากหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับบริบทและสภาพปัญหา เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร การพัฒนาผลตอบแทนบริการระบบนิเวศ (pay for eco system) สำหรับคนจนอนุรักษ์ป่า การยกระดับระบบสวัสดิการชุมชนให้ขยายบริการครอบคลุมคนจน การพัฒนาระบบน้ำเพื่อการเกษตร เป็นต้น ส่วนสำคัญอีกเรื่อง คือ การนำส่งระบบข้อมูลคนจนและโครงการแก้จนเข้าสู่ระบบแผนพัฒนาท้องถิ่น หรือแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนเกิดความต่อเนื่องโดยหน่วยงานรัฐในพื้นที่
นายแมน ปุโรธกานนท์ หัวหน้าแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ บพท. เปิดเผยว่า การเดินสำรวจเคาะประตูบ้านในพื้นที่นำร่องดังกล่าว สร้างโอกาสการเรียนรู้สภาพปัญหาอย่างชัดเจน และทำให้สามารถค้นพบคนจนที่ตกสำรวจเป็นจำนวน 336,239 คน ซึ่งเมื่อสมทบกับตัวเลขคนจนตามชุดข้อมูล จปฐ. และแผนที่ความยากจนประเทศไทย จะมีจำนวนคนจนรวมกันถึง 676,085 คน
โดยได้จำแนกกลุ่มคนจนในจังหวัดนำร่องออกเป็น 4 ระดับคือระดับสีแดง เป็นกลุ่มคนจนประเภทอยู่ลำบาก สีส้ม เป็นกลุ่มคนจนประเภทอยู่ยาก สีเหลือง เป็นกลุ่มคนจนประเภทพออยู่ได้ และสีเขียว เป็นกลุ่มคนจนประเภทอยู่ได้ ซึ่งคนจนใน 20 จังหวัดนำร่อง เป็นคนจนระดับสีส้ม มากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39 รองลงมาเป็นคนจนระดับสีเหลือง มีอยู่ร้อยละ 29 และคนจนระดับสีแดง มีอยู่ร้อยละ 26 ขณะที่คนจนระดับสีเขียวมีอยู่ร้อยละ 6
เมื่อจัดแบ่งประเภทของปัญหาพบว่าคนจนส่วนใหญ่มีปัญหาขาดแคลนทุนกายภาพ คือ ขาดที่ทำกินมากที่สุด รองลงมาคือปัญหาขาดแคลนทุนมนุษย์ ได้แก่ พื้นฐานการศึกษาที่มีอยู่อย่างจำกัดและพื้นฐานด้านสุขภาพอนามัย และถัดลงไปคือปัญหาขาดแคลนทุนธรรมชาติ ได้แก่ การที่ต้องประสบภัยธรรมชาติซ้ำซาก ทั้งน้ำท่วมฝนแล้ง หรือพายุ ส่วนปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์ และปัญหาขาดแคลนโอกาสการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐอยู่ในลำดับรั้งท้าย
นายแมนระบุว่า ในการช่วยเหลือจึงต้องออกแบบให้สอดคล้องกับระดับความเข้มข้นและเหตุปัจจัยของความจน เช่น กลุ่มสีแดงเป็นกลุ่มที่ต้องเร่งประสานเชื่อมต่อเข้ากับระบบสวัสดิการของรัฐให้เร็วที่สุด ขณะที่คนจนกลุ่มสีส้ม จะเน้นการพัฒนาทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพ ส่วนคนจนกลุ่มสีเหลือง จะเน้นการช่วยแสวงหาที่ ทำกิน และแหล่งทุน เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ขณะที่คนจนกลุ่มสีเขียว จะเน้นการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านอาชีพ และทักษะการจัดการทางการเงิน เพื่อความมั่นคงยั่งยืนในการดำรงชีวิต
สำหรับ 20 จังหวัดนำร่องที่ บพท.เข้าไปมีบทบาทแก้ไขปัญหาความยากจน ภายใต้แผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ สกลนคร ศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร มุกดาหาร ชัยนาท แม่ฮ่องสอน ปัตตานี อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา เลย พัทลุง ยะลา นราธิวาส พิษณุโลก และลำปาง ส่วนรายชื่อ 18 มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ที่ร่วมสานพลัง บพท.แก้ปัญหาคนจนสู้ภัยโควิด ได้แก่ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วิทยาลัยชุมชนยโสธร วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร สถาบันวิทยาลัยชุมชน (กรุงเทพ) วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มหาวิทยาลัยทักษิณ (วิทยาเขตพัทลุง) มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี