วันพฤหัสบดี ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ส่งเสริมท่องเที่ยวแบบ Low Carbon 'ท่องเที่ยวรถไฟสายล้านนา'

คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ส่งเสริมท่องเที่ยวแบบ Low Carbon 'ท่องเที่ยวรถไฟสายล้านนา'

วันอาทิตย์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 21.10 น.
Tag : คณะการท่องเที่ยวฯ ท่องเที่ยวรถไฟสายล้านนา ท่องเที่ยว แนวหน้าออนไลน์ DPU LowCarbon
  •  

ทริปการท่องเที่ยวเมืองเหนือ 3 จังหวัดครั้งนี้ เริ่มต้นจากการเชิญชวนของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอทต้า (ATTA) ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ที่ทางคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นสมาชิกอยู่   ทั้ง 2 สมาคมได้ร่วมกันจัดให้สมาชิกร่วมสำรวจเส้นทาง เปิดประสบการณ์ “ท่องเที่ยวรถไฟสายล้านนา” และมีโอกาสพบผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมทั้งร่วม “ทดสอบและประเมิน” การปล่อยขบวนรถไฟดีเซลรางปฐมฤกษ์ด้วยการจัดรถไฟท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และ ลำปาง เป็นครั้งแรก 

 


 

เส้นทางปฐมฤกษ์เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถแดงกินลมเย็นๆ ควบคู่ไปกับการชมวิวรอบเมืองเชียงใหม่ และมาจบรอบที่สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่ แว้บแรกที่เห็นสถานี ก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศวัยเยาว์ เพราะนับนิ้วไม่ถูกเลยว่าเคยขึ้นรถไฟท้องถิ่นไปเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อเมื่อไหร่ หน้าสถานีรถไฟจะมีหัวรถจักรไอน้ำตั้งตระหง่านต้อนรับทุกคนอยู่หน้าสถานี ภายในจะเป็นสถาปัตยกรรมไม้โบราณ มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงริเริ่มการสร้างทางรถไฟในประเทศสยามประดับเด่นชัด ป้ายสถานีบ่งบอกความเก่าแก่แต่คลาสสิคเอาไว้ให้รำลึกถึง ส่วนขบวน

รถไฟที่นำมาทดลองเป็นขบวนที่ได้รับมอบจากประเทศเกาหลีใต้ ภายนอกสีส้มสดใสตัดกับสีน้ำเงินสร้างความโดดเด่นง่ายต่อการจดจำ

 

 

ภายในห้องโดยสารต้อนรับคณะด้วยแอร์เย็นสบาย มีการตกแต่งเพดาน เก้าอี้ และพื้นด้วยสีเหลือง ฟ้า และแดง ภายใต้ด้วยธีม Lanna Renaissance โดยทุกสิ่งจะแฝงไว้ด้วยที่มาและความหมาย อาทิ คานบนเพดานลายรูปหงษ์ทองจากวัดหริภุญชัย ถุงผ้าม่านลายยกดอกลำพูน ลายตุงพญายอหรือตุงไส้หมูบริเวณที่วางสัมภาระที่หมายถึง การมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนที่รัก นอกจากนั้นยังมีบริการอาหารกล่องเสิร์ฟมาในบรรจุภัณฑ์ลาย “สถานีรถไฟนครลำปาง” เนื่องจากรถไฟขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียงบริการอาหาร

ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขบวนรถแล่นออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่มาถึงสถานีรถไฟลำพูน คณะแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองลำพูนด้วยรถราง ผ่านย่านการค้าโบราณและย่านประวัติศาสตร์ อาทิ กู่ช้างกู่ม้า วัดพระธาตุหริภุญไชย อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี คุ้มเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ และเดินทางต่อไปยังสถานีนครลำปาง ระหว่างทางได้รับเสิร์ฟอาหารกลางวันแบบกล่องอีกครั้งด้วยภาพเส้นทางรถไฟล้านนาตั้งแต่การขึ้นรถแดง จ.เชียงใหม่ – รถราง จ.ลำพูน – รถม้า จ.ลำปาง ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วโดยสาร ภาพและเสียงการตัดตั๋ว “กลิ๊บๆ” ทำให้ยิ่งคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ในอดีตเสียเหลือเกิน ทานข้าวไป ฟังเพลงบรรเลงล้านนาที่ทางผู้วิจัยสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะไป เผลอแป้บเดียวก็ถึงสถานีรถไฟนครลำปางพอดี  

 

 

เปลี่ยนจากรถไฟมาขึ้น “รถม้า” สัญลักษณ์และชื่อเล่นของเมืองลำปางที่พาคณะท่องเที่ยวผ่านย่านการค้า เมืองเก่า และย่านประวัติศาสตร์ อาทิ วัดศรีรองเมือง วัดปงสนุก ชุมชนประตูป่อง ชุมชนท่ามะโอ ชุมชนสบตุ๋ย บ้านหลุยส์ และชุมชนรถไฟนครลำปาง ทำให้เห็นบรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของเมืองลำปางที่มีอายุกว่า 1,300 ปี

ขากลับจากนครลำปาง มีบริการอาหารว่างชุดเล็กๆ คือ ข้าวแต๋น ของฝากขึ้นชื่อของลำปาง และ น้ำผักเชียงดา ผักพื้นเมืองทางเหนือที่มีสรรพคุณมากมาย จากนั้น ทันทีที่ขบวนรถไฟแล่นผ่านอุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดและเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย ขยับไปอีกนิดก็เป็นเส้นทางรถไฟที่ถือว่าสวยมากอีกจุดหนึ่ง คือ บริเวณสะพานสีขาวที่ชื่อ “สะพานทาชมภู” อ.แม่ทา จ.ลำพูน ไกด์แจ้งว่าคณะเราได้สิทธิพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันเส้นทางนี้จะวิ่งตรงไม่จอดแวะให้ลงระหว่างทาง หลายๆ ภาพที่ถ่ายมา จึงมีความสำคัญ ถือเป็นหลักฐานการมาเยือนสถานที่แห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ครั้งอดีตสมัยปี พ.ศ.  ๒๔๖๑ ตามตัวเลขที่ปรากฏใต้ “ครุฑแดง” เหนืออุโมงค์ ที่หมายถึงปีที่อุโมงค์ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งาน

 

 

คณะเดินทางกลับถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถือเป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในครั้งนี้ และจบทริปเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์รอบทดลองด้วยการทำแบบประเมินเส้นทาง ในมุมมองของนักวิชาการจากคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม การเดินทางทางรางวันนี้ อาจารย์ได้สัมผัสถึงคุณประโยชน์มากมายจากการเดินทางท่องเที่ยวทางราง ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (low carbon) เบียดเบียนธรรมชาติน้อยมากเมื่อเทียบกับการเดินทางอื่น ราคาตั๋วไม่แพง มีความปลอดภัย ได้ใกล้ชิดกับชาวบ้านที่ค้าขายข้างทางรถไฟ เป็นการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค และปราศจากข้อจำกัดต่างๆ มากมาย เช่น หมดห่วงเรื่องปริมาณสัมภาระ ปริมาณของเหลว จำนวนวัตต์ของ power bank หรือการปิดสัญญานมือถือ ระหว่างเดินทางก็เดินสนุกลุกนั่งสบาย วิวข้างทางก็แปลกใหม่ ฯลฯ จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมบุกเบิกเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวทางรางให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับการลงทุนมหาศาลที่ภาครัฐกำลังพยายามพัฒนาเส้นทางทางรางสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งของอาเซียน

 

 

ท้ายนี้ คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ขอสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง เพื่อช่วยลดลดคาร์บอนและความอย่างยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย ใครยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ ต้องไม่พลาดไปลองเส้นทางท่องเที่ยวทางรางกัน. -008 

 

 

เขียนโดย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)

 

   

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ม่วนกรุ๊ป!!! บ้านค่ายชัยภูมิแห่เทียนพรรษาคึกคัก ม่วนกรุ๊ป!!! บ้านค่ายชัยภูมิแห่เทียนพรรษาคึกคัก
  • เที่ยวหน้าฝน-ชมทะเลหมอกยามเช้า ‘น้ำตกตาดปลากั้ง’ ที่บ้านน้ำจวง จ.พิษณุโลก เที่ยวหน้าฝน-ชมทะเลหมอกยามเช้า ‘น้ำตกตาดปลากั้ง’ ที่บ้านน้ำจวง จ.พิษณุโลก
  • อช.เขาพระวิหาร ประกาศปิดท่องเที่ยว \'ผามออีแดง\' ชั่วคราว อช.เขาพระวิหาร ประกาศปิดท่องเที่ยว 'ผามออีแดง' ชั่วคราว
  • ผู้อำนวยการ ททท.ตราดคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวหยุด 4 วัน 241.90 ล้าน ผู้อำนวยการ ททท.ตราดคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวหยุด 4 วัน 241.90 ล้าน
  • เปิดแล้ว!เทศกาลถ้ำนาคา มหัศจรรย์ภูลังกา บูชาพระสารีริกธาตุ ต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่บึงกาฬ เปิดแล้ว!เทศกาลถ้ำนาคา มหัศจรรย์ภูลังกา บูชาพระสารีริกธาตุ ต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่บึงกาฬ
  • บีโกเนียบานแล้ว! ภูหินร่องกล้าชวนสัมผัสความงามดอกไม้ป่าหน้าฝน ชุ่มฉ่ำท่ามกลางไอหมอก บีโกเนียบานแล้ว! ภูหินร่องกล้าชวนสัมผัสความงามดอกไม้ป่าหน้าฝน ชุ่มฉ่ำท่ามกลางไอหมอก
  •  

Breaking News

ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อนสารพิษ

'ทบ.'ขนสื่อมวลชนลงพื้นที่พิสูจน์'ภูมะเขือ'สยบข่าวถูกเขมรยึด ขอปชช.เชื่อมั่นรักษาอธิปไตย

มทภ.2 เร่งพิสูจน์วัตถุระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา ของเก่าหรือใหม่ รอ 3 วันรู้ผล

สิ้นสุดการรอคอย! GAME ON ตอนแรก The Face Thailand Season 6 เสาร์ 19 ก.ค.นี้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved