ทริปการท่องเที่ยวเมืองเหนือ 3 จังหวัดครั้งนี้ เริ่มต้นจากการเชิญชวนของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอทต้า (ATTA) ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ที่ทางคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นสมาชิกอยู่ ทั้ง 2 สมาคมได้ร่วมกันจัดให้สมาชิกร่วมสำรวจเส้นทาง เปิดประสบการณ์ “ท่องเที่ยวรถไฟสายล้านนา” และมีโอกาสพบผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมทั้งร่วม “ทดสอบและประเมิน” การปล่อยขบวนรถไฟดีเซลรางปฐมฤกษ์ด้วยการจัดรถไฟท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และ ลำปาง เป็นครั้งแรก
เส้นทางปฐมฤกษ์เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถแดงกินลมเย็นๆ ควบคู่ไปกับการชมวิวรอบเมืองเชียงใหม่ และมาจบรอบที่สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่ แว้บแรกที่เห็นสถานี ก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศวัยเยาว์ เพราะนับนิ้วไม่ถูกเลยว่าเคยขึ้นรถไฟท้องถิ่นไปเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อเมื่อไหร่ หน้าสถานีรถไฟจะมีหัวรถจักรไอน้ำตั้งตระหง่านต้อนรับทุกคนอยู่หน้าสถานี ภายในจะเป็นสถาปัตยกรรมไม้โบราณ มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงริเริ่มการสร้างทางรถไฟในประเทศสยามประดับเด่นชัด ป้ายสถานีบ่งบอกความเก่าแก่แต่คลาสสิคเอาไว้ให้รำลึกถึง ส่วนขบวน
รถไฟที่นำมาทดลองเป็นขบวนที่ได้รับมอบจากประเทศเกาหลีใต้ ภายนอกสีส้มสดใสตัดกับสีน้ำเงินสร้างความโดดเด่นง่ายต่อการจดจำ
ภายในห้องโดยสารต้อนรับคณะด้วยแอร์เย็นสบาย มีการตกแต่งเพดาน เก้าอี้ และพื้นด้วยสีเหลือง ฟ้า และแดง ภายใต้ด้วยธีม Lanna Renaissance โดยทุกสิ่งจะแฝงไว้ด้วยที่มาและความหมาย อาทิ คานบนเพดานลายรูปหงษ์ทองจากวัดหริภุญชัย ถุงผ้าม่านลายยกดอกลำพูน ลายตุงพญายอหรือตุงไส้หมูบริเวณที่วางสัมภาระที่หมายถึง การมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนที่รัก นอกจากนั้นยังมีบริการอาหารกล่องเสิร์ฟมาในบรรจุภัณฑ์ลาย “สถานีรถไฟนครลำปาง” เนื่องจากรถไฟขบวนนี้ไม่มีตู้เสบียงบริการอาหาร
ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขบวนรถแล่นออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่มาถึงสถานีรถไฟลำพูน คณะแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองลำพูนด้วยรถราง ผ่านย่านการค้าโบราณและย่านประวัติศาสตร์ อาทิ กู่ช้างกู่ม้า วัดพระธาตุหริภุญไชย อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี คุ้มเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ และเดินทางต่อไปยังสถานีนครลำปาง ระหว่างทางได้รับเสิร์ฟอาหารกลางวันแบบกล่องอีกครั้งด้วยภาพเส้นทางรถไฟล้านนาตั้งแต่การขึ้นรถแดง จ.เชียงใหม่ – รถราง จ.ลำพูน – รถม้า จ.ลำปาง ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วโดยสาร ภาพและเสียงการตัดตั๋ว “กลิ๊บๆ” ทำให้ยิ่งคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ในอดีตเสียเหลือเกิน ทานข้าวไป ฟังเพลงบรรเลงล้านนาที่ทางผู้วิจัยสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะไป เผลอแป้บเดียวก็ถึงสถานีรถไฟนครลำปางพอดี
เปลี่ยนจากรถไฟมาขึ้น “รถม้า” สัญลักษณ์และชื่อเล่นของเมืองลำปางที่พาคณะท่องเที่ยวผ่านย่านการค้า เมืองเก่า และย่านประวัติศาสตร์ อาทิ วัดศรีรองเมือง วัดปงสนุก ชุมชนประตูป่อง ชุมชนท่ามะโอ ชุมชนสบตุ๋ย บ้านหลุยส์ และชุมชนรถไฟนครลำปาง ทำให้เห็นบรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของเมืองลำปางที่มีอายุกว่า 1,300 ปี
ขากลับจากนครลำปาง มีบริการอาหารว่างชุดเล็กๆ คือ ข้าวแต๋น ของฝากขึ้นชื่อของลำปาง และ น้ำผักเชียงดา ผักพื้นเมืองทางเหนือที่มีสรรพคุณมากมาย จากนั้น ทันทีที่ขบวนรถไฟแล่นผ่านอุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดและเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย ขยับไปอีกนิดก็เป็นเส้นทางรถไฟที่ถือว่าสวยมากอีกจุดหนึ่ง คือ บริเวณสะพานสีขาวที่ชื่อ “สะพานทาชมภู” อ.แม่ทา จ.ลำพูน ไกด์แจ้งว่าคณะเราได้สิทธิพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันเส้นทางนี้จะวิ่งตรงไม่จอดแวะให้ลงระหว่างทาง หลายๆ ภาพที่ถ่ายมา จึงมีความสำคัญ ถือเป็นหลักฐานการมาเยือนสถานที่แห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ครั้งอดีตสมัยปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ตามตัวเลขที่ปรากฏใต้ “ครุฑแดง” เหนืออุโมงค์ ที่หมายถึงปีที่อุโมงค์ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
คณะเดินทางกลับถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถือเป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในครั้งนี้ และจบทริปเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์รอบทดลองด้วยการทำแบบประเมินเส้นทาง ในมุมมองของนักวิชาการจากคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม การเดินทางทางรางวันนี้ อาจารย์ได้สัมผัสถึงคุณประโยชน์มากมายจากการเดินทางท่องเที่ยวทางราง ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (low carbon) เบียดเบียนธรรมชาติน้อยมากเมื่อเทียบกับการเดินทางอื่น ราคาตั๋วไม่แพง มีความปลอดภัย ได้ใกล้ชิดกับชาวบ้านที่ค้าขายข้างทางรถไฟ เป็นการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค และปราศจากข้อจำกัดต่างๆ มากมาย เช่น หมดห่วงเรื่องปริมาณสัมภาระ ปริมาณของเหลว จำนวนวัตต์ของ power bank หรือการปิดสัญญานมือถือ ระหว่างเดินทางก็เดินสนุกลุกนั่งสบาย วิวข้างทางก็แปลกใหม่ ฯลฯ จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมบุกเบิกเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวทางรางให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับการลงทุนมหาศาลที่ภาครัฐกำลังพยายามพัฒนาเส้นทางทางรางสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งของอาเซียน
ท้ายนี้ คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ขอสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง เพื่อช่วยลดลดคาร์บอนและความอย่างยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย ใครยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ ต้องไม่พลาดไปลองเส้นทางท่องเที่ยวทางรางกัน. -008
เขียนโดย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี