ผ่าน 77 ปี!‘รัฐบาลสหรัฐ’ส่งหน่วย DPAA ร่วมไทย เปิดภารกิจค้นหานักบินรบอเมริกันที่สูญหายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่‘บ้านแม่กัวะ ลำปาง’ อุปทูตเผยเป็นพันธสัญญาต้องพาทหารทุกนายกลับบ้าน
3 มีนาคม 2565 ที่บ้านแม่กัวะ ต.แม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในการปฏิบัติการร่วมกับทางการไทย เพื่อค้นหานักบินอเมริกันที่สูญหายระหว่างการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากพบหลักฐานเบาะแสที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีเครื่องบินรบของกองทัพอากาศสหรัฐฯ รุ่น P-38 ตกในพื้นที่ทุ่งหน้าบ้านแม่กัวะ เมื่อราวๆ 77 ปีก่อน
ทั้งนี้ เชื่อว่านักบินคนดังกล่าวพร้อมด้วยเครื่องบิน P-38 ตกใกล้กับบ้านแม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เชี่ยวชาญ 9 คนจากสำนักงานค้นหาเชลยศึกและผู้สูญหาย (DPAA) สำนักงานใหญ่ในฮาวาย กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางมาเพื่อร่วมปฏิบัติการค้นหา โดยได้รับการสนับสนุนจากชุมชนบ้านแม่กัวะ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ไมเคิล ฮีธ กงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ฌอน โอนีลล์ และพันเอก อลงกต ดอนมูล ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ลงพื้นที่และพบกับคณะค้นหา อีกทั้งยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญกลุ่มดังกล่าว ตลอดจนร่วมในปฏิบัติการค้นหาด้วย
สำหรับเบาะแสที่ทำให้เชื่อได้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่เครื่องบินรบของกองทัพอากาศสหรัฐฯตก เป็นคำบอกเล่าของหญิงสูงวัยชาวบ้านแม่กัวะ อายุ 98 ปี ที่จำเหตุการณ์วันที่เครื่องบินตกได้ซึ่งขณะนั้นหญิงสูงวัยคนดังกล่าวอายุ 21 ปี และในพื้นที่ดังกล่าวจากการบอกเล่าของชาวบ้าน มีการพบชิ้นส่วนเครื่องบินรบในบริเวณดังกล่าว สำหรับนักบินประจำเครื่องบินลำนี้ชาวบ้านพูดตรงกันว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ไม่แน่ชัดว่ามีการฝังหรือเผาร่างนักบินรายนี้
ปฏิบัติการในครั้งนี้ ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านแม่กัวะ และเจ้าของพื้นที่นาดังกล่าว ในการขุดค้นหา มีการตั้งฐานปฏิบัติการ และจ้างชาวบ้านในพื้นที่บ้านแม่กัวะ จำนวน 30 คน เข้ามาช่วยทำภารกิจในครั้งนี้ หลังจากเริ่มขุดค้นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ทางพันตรีไบรอันดับเบิลยู.สมิท ได้ขุดพบชิ้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องรบ P-38 โดยสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นชื้นส่วนของเครื่องบิน คือตัวหนังสือที่สลักบนชิ้นส่วนระบุว่าผลิตในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ทราบว่าเป็นชิ้นส่วนใดในเครื่องบิน
อุปทูตฮีธ กล่าวว่า แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปีแล้ว แต่สหรัฐฯ ยังคงดำเนินการเพื่อนำทหารทุกนายของเรากลับบ้าน ภารกิจด้านมนุษยธรรมนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือและมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ในนามของสหรัฐฯ และประชาชนอเมริกัน ผมขอขอบคุณสมาชิกชุมชนและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตลอดจนรัฐบาลไทยที่ช่วยเราปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญและทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับชาติของเรา
ด้าน พ.ต. ไบรอัน ดับเบิลยู. สมิท หัวหน้าคณะค้นหา กล่าวว่า เป้าหมายของเราที่นี่คือการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด และสื่อสารกับครอบครัวของผู้สูญหายอย่างเปิดเผย ขอขอบคุณเจ้าภาพชาวไทยที่ช่วยเรานำทหารของเรากลับสู่มาตุภูมิ
ทั้งนี้ ทหารอเมริกันประมาณ 81,600 คน ยังคงสูญหายจากเหตุการณ์ความขัดแย้งในอดีต รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นหาข้อมูลของผู้สูญหายอย่างเต็มความสามารถเพื่อนำพวกเขากลับสู่มาตุภูมิและครอบครัว ภารกิจนี้เป็นปฏิบัติการนำตัวผู้สูญหายกลับสู่มาตุภูมิที่สำคัญครั้งแรกในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2550 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561
สำนักงาน DPAA ได้รับข้อมูลชุดใหม่เกี่ยวกับการพบเครื่องบินที่สูญหายไปของสหรัฐฯ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองจำนวน 3 ลำในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานเครื่องบินที่สูญหายในพื้นที่ ความสูญเสียแต่ละเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับทหารอเมริกันที่ยังคงสูญหายอยู่ ภารกิจนี้เกิดขึ้นได้จากการค้นคว้าโดยละเอียดของนักประวัติศาสตร์และอาสาสมัครทั้งจากไทยและสหรัฐฯ ตลอดจนใช้ข้อมูลที่ได้จากบันทึกของผู้เห็นเหตุการณ์
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี