เป็นเรื่องเศร้าของวงการบันเทิงอีกครั้ง ในการสูญเสีย “สรพงศ์ ชาตรี” ศิลปินแห่งชาติ พระเอกตลอดกาล ที่เพิ่งเสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 71 ปี
หลายคนจะรู้จัก "สรพงษ์ ชาตรี" ด้วยจากที่เป็นพระเอกใจบุญ เนื่องจากเป็นผู้ก่อตั้ง "มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์" หรือมูลนิธิหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นมูลนิธิไม่ใช่วัด แต่หลายๆคนเรียกจนติดปากว่า "วัดหลวงพ่อโต" หรือบางคนอาจเรียกว่า “วัดสรพงศ์” โดยตั้งอยู่บริเวณถนนมิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ 42 กิโลเมตร หากเดินทางจากกรุงเทพมหานคร หากใครนั่งรถผ่านแถวนั้นจะมองเห็นวิหารตั้งโดดเด่นเป็นสง่า
สำหรับ มูลนิธิหลวงพ่อโต เป็นที่ ประดิษฐานรูปหล่อทองเหลืองรมดำ หลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยผู้ที่ก่อตั้ง คือ "สรพงศ์ ชาตรี" ผู้ที่มาที่นี่นอกจากจะได้สักการะ ขอพรจาก หลวงพ่อโต แล้ว ยังได้สัมผัสกับสิ่งก่อสร้างที่งดงามและสวนหย่อมที่ตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เขียวขจีสบายตา นอกจากนั้นที่นี่ยังมีโรงอาหารหรือโรงทานให้รับประทานโดยเฉพาะลาดหน้า และจะบริจาคเงินเพื่อชำระหนี้สงฆ์ก็ได้ ตามกำลังศรัทธา
ทั้งนี้ "สรพงศ์ ชาตรี" เป็นพุทธมามกะ ผู้ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง ดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนา ซึ่งได้ปฎิบัติธรรมกับพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวกจ.เชียงใหม่ ซึ่งพระอาจารย์ได้แนะนำคุณสรพงศ์ ชาตรี ให้ไปอธิษฐานจิตขอพรบารมีสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ แล้วการงานทุกอย่างที่กังวลอยู่จะสำเร็จดังประสงค์ทุกประการ เพราะหลวงปู่โต มีลูกหลานเป็นเทพบุตรเทพธิดา จะได้พากันมากราบไหว้บูชาสักการะและช่วยให้งานนั้นๆ สำเร็จดังปรารถนา
"สรพงศ์ ชาตรี" จึงได้ไปอธิษฐานจิต ขอบารมีตามที่พระอาจารย์แนะนำ พร้อมทั้งจะจัดสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ จึงไปปรึกษาหลวงพ่อพระครูปลัดนุตร์ รัตนวิชโย ซึ่งปฎิบัติธรรมอยู่ที่วัดปักแม่ลาย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งท่านแนะนำให้จัดสร้างรูปเหมือนองค์ใหญ่ที่สุดในโลก จึงคิดถึงพิธีการหล่อรูปเหมือนหลวงปู่โต
โดยศึกษาประวัติคุณความดีที่ปรากฏเป็นประวัติศาสตร์ 3 ส่วน 3 สถาน คือ ดีปฐม ดีมัธยม และ ดีอุดมๆ ได้แก่ ดีส่วนยอด อันหมายถึง การบริหารจัดการส่วนบุคคล และส่วนรวมอย่างยอดเยี่ยม จึงจัดพิธีเททองหล่อส่วนศรีษะที่วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ต่อมาดีส่วนมัธยม หมายถึงการศึกษาสัพพวิทยาอันเป็นไปในส่วนปริยัติ
และได้ประกอบพิธีเททองหล่อส่วนองค์หลวงปู่ที่วัดบางขุนพรหม และดีส่วนปฐม หมายถึงดีเริ่มแรก คือมีปุพเพกตบุญญตาที่บริบูรณ์พร้อมทั้งผู้ให้กำเนิดและวงศาคณาญาติ ซึ่งทำให้สำเร็จประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ จึงประกอบพิธีเททองหล่อส่วนเท้าตั้งแต่สะเอวลงมา ที่วัดเกตุไชยโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง รวม 3 ส่วน 127 ชิ้น แล้วนำส่วนนั้นๆ มาประกอบเป็นองค์หลวงปู่ เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2543 รูปหล่อองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) หน้าตักกว้าง 8 เมตร 1 นิ้ว สูง 13 เมตร หนัก 61 ตันค่าก่อสร้าง 9 ล้านบาทเศษ
และได้จัดสร้างมหาวิหารเป็นแบบกุฎาคาร (เรือนยอดเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป) ขึ้นถวาย พร้อมทั้งซื้อที่ดินประมาณ 150 ไร่ และจัดภูมทัศน์ส่วนต่างๆตามความเหมาะสม เช่น สระน้ำ สวนหิน สวนต้นไม้ เป็นต้นอีกทั้งได้จัดบริการด้านอาหาร และห้องน้ำห้องสุขาฟรี. -008
ขอบคุณภาพจาก : มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เมตตาบารมี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี