วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
มอ.สุดเจ๋ง ชู5 นวตักรรม ‘ธนาคารเลือด’ เพิ่มศักยภาพการจัดการใช้เลือดกับผู้ป่วย

มอ.สุดเจ๋ง ชู5 นวตักรรม ‘ธนาคารเลือด’ เพิ่มศักยภาพการจัดการใช้เลือดกับผู้ป่วย

วันศุกร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565, 09.57 น.
Tag : มอ. 5 นวตักรรม ธนาคารเลือด
  •  

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ชูเทคโนโลยี 5 นวัตกรรม เพิ่มศักยภาพการทำงานจัดเตรียม ส่งต่อเลือดไปยังผู้ป่วยและจัดการสต็อคอย่างมีประสิทธิภาพ

ผศ.นพ.คณุตม์ จารุธรรมโสภณ หัวหน้าหน่วยคลังเลือด และเวชศาสตร์บริการโลหิตสาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า หน่วยงานธนาคารเลือดเป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของสาขาวชิาพยาธิวทิยารพ. สงขลานครินทร์ โดยมีหน้าที่รับบริจาคเลือดทั้งจากในและนอกโรงพยาบาล นำมาเตรียมส่วนประกอบเลือดชนิดต่างๆ โดยทำการตรวคัดกรองและทดสอบความเขากันได้กับผู้ป่วย ตามมาตรฐานของสภากาชาดไทยเพื่อให้แพทย์สามารถใช้ในการรักษาคนไข้ได้อย่างลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งปัจจุบันด้วยปริมาณคนไข้ที่มีเพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการในการใช้บริการของงานธนาคารเลือดเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จนทำให้เกิดปัญหาในการจัดเตรียมผลิตภัณฑ์เลือด ที่อาจเกิดความล่าช้าในการเตรียมหรือจัดการงานที่มีปริมาณมากอาจส่งผลต่อคุณภาพในการนา เลือดไปใช้นอกจากนี้ยังมีการเกิดภาวะขาดแคลนเลือดในการรับบริจาค หรือไม่สามารถหาเลือดชนิดที่หายากมาให้ได้ส่งผลต่อการรักษาของผู้ป่วยทำให้ต้องรอเลือดเป็นเวลานาน หรือในบางกรณีอาจเกิดภาวะเลือดล้นทำให้ไม่สามารถใช้เลือดได้ทันวันหมดอายุ จึงมีความพยายามยามนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริกาจัดเตรียมผลิตภัณฑ์เลือดและจัดการสต็อค


“เรามีการพัฒนาตั้งแต่ การจัดหาเลือด การคัดกรองเลือดขั้นตอนการเตรียมเลือด และขั้นตอนการนำเลือดไปใชกับผู้ป่วย โดยมีการใช้นวัตกรรมดังนี้ 1. โปรแกรมเก็บข้อมูล Minor blood group 2. ระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ (Total Lab Automation) ในการตรวจคดักรองโรคติดชื้อของเลือด ทั้งงานการตรวจภูมิคุ้มกัน และแอนติเจนในเลือด (serology) และการตรวจสารพันธุกรรมของตัวเชื้อไวรัส (NAT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพ และความปลอดภัยในการเตรียมเลือดพร้อมทั้งลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ 3. กระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะเพื่อการควบคุณคุณภาพของผลิตภัณฑ์เลือดขณะขนส่งห้าอดคล้องตามข้อกำหนดในระบบคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วย 4. การทำนายการใช้เกล็ดเลือดโดย Machine Learning 5. การจัดการสต็อคโดยระบบ AI” ผศ.นพ.คณุตม์ จารุธรรมโสภณ กล่าว

ด้าน นายวรากร เพชรเกลี้ยง หัวหน้างานคลังเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า สำหรับนวัตกรรมต่างๆ เช่น โปรแกรมเก็บข้อมูล Minor blood groupระบบหมู่เลือดรองซึ่งต้องใช้น้ำยาพิเศษในการตรวจ บางชนิดแพงมากและเพิ่มขั้นตอนการทำงาน ซึ่งเดิมหลายโรงพยาบาลต้องขอจากสภากาชาดไทยแต่สำหรับหน่วยคลังเลือด รพ สงขลานครินทร์มีการตรวจหมู่เลือดรองที่สำคัญให้กับผู้บริจาคประจำตั้งแต่ 10ครั้งขึ้นไป โดยเก็บข้อมูลไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อผบู้ริจาคมาบริจาคในคร้ังถัดไป สามารถทราบหมู่เลือดรองได้ทันทีทำให้มีเลือดเพียงพอให้ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลได้

“ระบบสืบค้นหมู่เลือดรองที่ทางหน่วยจัดทำขึ้นสามารถแบ่งปันให้โรงพยาบาลอื่นมาใช้แพลตฟอร์มเดียวกันได้ เพื่อใช้สืบค้นหมู่เลือดรองของผู้บริจาคโดยที่ไม่ต้องตรวจซ้ำ ลดระยะเวลาการรอคอยในกรณีที่ผูป่วยต้องรับหมู่เลือดพิเศษช่วยลดค่าใช้จ่าย และขั้นตอนในการทดสอบซ้ำได้ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยระบบล็อคอิน ที่เข้าถึงได้เฉพาะเจ้าหน้าที่คลังเลือดและผู้บริจาครายนั้นเพื่อตรวจสอบข้อมูลตนเองเท่านั้นจึงอยากเชิญชวนหน่วยคลังเลือดอื่นๆ มาร่วมกันแชร์ข้อมูลระบบหมู่เลือดรองในแพลตฟอร์มเดียวกันเพื่อขยายฐานข้อมูลผู้บริจาคในเขต ซึ่งปัจจุบันมีฐานข้อมูลผู้บริจาคอยู่ประมาณ 30,000 รายและมีโรงพยาบาลข้างเคียงมาร่วมใช้โปรแกรมนี้แล้ว

นอกจากนั้น ยังมีการนำระบบ Machine learning ทำนายการใช้เกล็ดเลือด เพื่อประมวลผลข้อมูลการใช้เกล็ดเลือดในอดีตมาวางแผนและดูแนวโน้มการใช้เกล็ดเลือดของผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากเกล็ดเลือดมีอายุเพียงแค่5 วันเท่านั้น ที่ผ่านมาจึงต้องทิ้งเกล็ดเลือดที่หมดอายุเป็นจำนวนมากระบบ Machine learning จึงเป็นระโยชน์มากในการช่วยวิเคราะห์ทำให้สามารถสำรองเกล็ดเลือดได้เหมาะสมกับการใช้จริงและยังช่วยลดต้นทุนจากการทิ้งลงได้กว่า 50 %” นายวรากร เพชรเกลี้ยง อธิบาย

สำหรับนวัตกรรมกระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะ ยังถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการควบคุมการขนส่งโลหิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิที่มีขายอยู่ในตลาด ไม่ตอบโจทย์การควบคุมคุณภาพตามที่หน่วยงานต้องการ จึงพัฒนากระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะขึ้นมาเอง ซึ่งนอกจากจะควบคุมอุณภูมิได้แล้วยังสามารถตรวจสอบข้อมูลอุณหภูมิย้อนหลังโดยแสดงเป็นกราฟ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจจารณาได้ง่ายว่าอุณหภูมิอยู่ในช่วงที่กำหนดหรือไม่และพิจารณารับโลหิตที่ขนส่งอยู่ในอุณภูมิที่กำหนดเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการรับโลหิตที่เก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสม และยังสามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Wi-Fi ได้ทำให้สามารถติดตาม และตรวจสอบสถานะของกระติกทั้งหมดได้ จนได้รับรางวัลถึง 2 รางวัลคือ เหรียญทองแดง จาก Thailand Kaizen award ปี 2563และรางวัลแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศระดับเหรียญทอง จากงานเวทีคุณภาพ ภายใต้โครงการ “เรื่องของเลือด ขาดเหลือ ต้องเกื้อกูล” และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และยังได้ไปนำเสนอในงานประชุม Thailand Quality Conference ปี 2564อีกด้วย

ด้าน ทนพญ. สุวมิล บุญทองขาว นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ หน่วยคลังเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า “สำหรับระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ หรือ Total lab automation ช่วยแก้ปัญหาในการลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัวอย่าง และการแบ่งสิ่งส่งตรวจ(Aliquot) เพื่อการตรวจสอบภายหลัง โดนเครื่องจะเตรียมตัวอย่างและเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องตรวจวิเคราะห์ทั้งการตรวจภูมิคุ้มกัน และแอนติเจนในเลือด (serology) และการตรวจสารพันธุกรรมของตัวเชื้อไวรัส (NAT) เข้าด้วยกัน เป็นระบบเดียวรวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบ LIS ของโรงพยาบาล เพื่อลดการทำงานแบบ manual และ human error ทำให้ห้องปฏิบัติการสามารถใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

“จากเดิมการตรวจคดักรองเลือดเคยใช้เจ้าหน้าที่2คน ก็สามารถลดเหลือ1คน ทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยลดการสัมผสักับสิ่งส่งตรวจอีกทั้งการทำงานด้วย automation จะช่วยบันทึกการทำงานทุกขั้นตอน เพื่อประโยชน์ในการทวนสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานตาม LEAN concept ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของผลตรวจวิเคราะห์ จากระบบการทำงานของเครื่องตรวจเช่น การใช้ tip แบบใช้ครั้งเดียวในการดูดตัวอย่างไปวิเคราะห์ที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการรายงานผลผิดพลาดที่เกิดจากปัญหาของสิ่งส่งตรวจที่ติดเชื้อ (sample contaminations) ใช้ระยะเวลาในการตรวจภูมิคุ้มกันและแอนติเจนในเลือด (serology) 18 นาที และความเร็วของเครื่องตรวจสารพันธุกรรมของตัวเชื้อไวรัส (NAT) ที่สามารถรองรับงานได้ 1,440 ตัวอย่างต่อวัน ทำให้ระยะเวลาในการรายงานผลของห้องปฏิบัติการสั้นลง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้แล้วเสร็จตามเวลาและสามารถแบ่งเวลาไปดูแลงานด้านคุณภาพและอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม” ทนพญ. สุวมิล บุญทองขาว กล่าวปิดท้าย

-(016)

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

โหร‘AI’ไขดวงชะตา! ‘ChatGPT’ที่พึ่ง‘ไทยสายมู’ยุคดิจิทัล

อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’

'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'

นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved