บริษัท “Bangkok Rooftop Farming”(BRF) เป็นบริษัทซึ่งบริหารโครงการ “Westegetable Farm” บนดาดฟ้าห้างเซ็นเตอร์ วัน (Center One) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โครงการนี้แปลงขยะมาเป็นเงิน ด้วยการนำจำนวนขยะเปียกของร้านอาหารที่ได้ในแต่ละวันในห้าง “เซ็นเตอร์ วัน” มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถเนรมิตผักอินทรีย์ และผักปลอดสารพิษสู่คนเมือง โดยใช้พื้นที่ชั้นดาดฟ้าของห้างเซ็นเตอร์ วัน ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดพื้นที่สีเขียวบนอากาศแล้ว ยังทำให้ผู้คนตระหนักในการแปลงขยะมาเป็นเงิน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ทุกคนต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น
“เงิน” ที่ว่านี้มาจากรายได้ที่ได้จากการปลูกผักในแต่ละเดือน ซึ่งผักนี้เป็นผลผลิตที่ได้จาก “ปุ๋ยอินทรีย์” ที่ได้จากเศษอาหารโดยปัจจุบัน “Westegetable Farm” ทำเป็นตัวอย่างให้เห็น จากที่มีโต๊ะปลูกผักเพียง 6 โต๊ะปัจจุบันมี 22 โต๊ะ แต่ละโต๊ะยาวประมาณ 6 เมตร มีผลผลิตเป็นผักนานาชาติให้เลือกหลากหลายด้วยกัน
นางสาวปารีณา ประยุกต์วงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท “Bangkok Rooftop Farming” เล่าให้ฟังว่า รายได้เฉพาะจากการขายผักตรงนี้ ประมาณ 50,000-60,000 บาท ผักที่ลูกค้าสนใจ มีเคล, พริก, สมุนไพร, โรสแมรี่, มิ้นท์, พาร์สลีย์ และ ฯลฯ ซึ่งการปลูกผักบนพื้นที่เท่านี้ เพื่อให้เกิดรายได้เข้ามากัน ส่วนเป้าหมายหลักคือ การจัดการเรื่องเศษอาหาร
“เรามีผู้ร่วมก่อตั้ง Bangkok Rooftop Farming คือ ห้างเซ็นเตอร์วัน และสมาคมเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทำงานเรื่องความร่วมมือ แล้วก็มีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ที่มาช่วยกันดูว่า จะสร้างพื้นที่ลักษณะนี้ได้อย่างไร” นางสาวปารีณาเล่าให้ฟังถึงความร่วมมือของกลุ่มกัลยาณมิตรที่กว่าจะมาเป็นกรีนโซนบนอากาศใจกลางเมือง
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นางสาวปารีณา ชวนกัลยาณมิตร คือ นายธนกร เจียรกมลชื่น มาตั้งบริษัท Bangkok Rooftop Farming ซึ่งปัจจุบันคุณธนกรเป็นผู้จัดการ ด้านการจัดการเศษขยะอาหารของบริษัท ส่วนนางสาวปารีณา จะเน้นดูแลฝ่ายบุคคลและการบริหารภาพรวม โดยมีนายวิฑูรย์ ปัญญากุล (กรีนเน็ท) เป็นประธานกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้ร่วมหุ้นหลักในบริษัท และเป็นที่ปรึกษาในการขับเคลื่อนโครงการนี้ ด้วยการเอาเศษอาหารมาสร้างฟาร์มผัก เพื่อจัดการขยะ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะเรียกว่า เสกขยะให้เป็นเงินจริงๆ โดยเป้าหมายที่เป็นแก่นของการดำเนินงานของ Bangkok Rooftop Farming คือ การลดจำนวนขยะให้ได้มากที่สุด เพื่อเชื่อมโยงกับการรับมือกับปัญหาโลกร้อน เพราะ “ขยะ” มีความสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกคน และเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่นานาอารยประเทศให้ความสำคัญ โดยยกระดับมาตรการนโยบายทั้งป้องกันและรับมือปัญหาโลกร้อนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
“ดาดฟ้า” ใจกลางเมืองจึงเป็นพื้นที่แห่ง “โมเดล” ที่กลุ่มรักษ์โลกในยุคโซเชียลจะต้องสร้างพื้นที่ตัวอย่างขึ้นมา ในการเดินหน้าจุดกระแสให้คนเมืองตระหนักถึงการลดปริมาณขยะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขาก็ทำทีละก้าว และเจ้าของห้างใจกลางเมืองอย่าง “เซ็นเตอร์ วัน” ก็ให้ความสำคัญกับการลดจำนวนขยะด้วยเช่นกัน ทำให้การทำงานของ Bangkok Rooftop Farming เดินหน้าด้วยดีมาตลอด พร้อมๆกับมีโครงการอบรมสร้างให้คนรุ่นใหม่ ตระหนักถึงการลดขยะในครัวเรือน และ ในภาคธุรกิจ จนนำมาสู่การเดินหน้าสร้างพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์ในพื้นที่คนเมือง โดยไม่จำกัดรูปแบบ ทั้งพื้นที่ระเบียงคอนโดมิเนียม หรือพื้นที่ราบ ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านเดี่ยว
“โครงการนี้เป็นการทำธุรกิจคนละแบบกับการทำธุรกิจเพื่อกอบโกย เราทำธุรกิจเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมมากกว่า ก็จะเป็นตัวอย่างเพื่อการทำธุรกิจเพื่อสังคมในอนาคต อย่างเจ้าของห้างเซ็นเตอร์ วัน ไม่ได้หวังว่าเราจะต้องจ่ายค่าพื้นที่ และ ค่าเช่าพื้นที่ก็ไม่คิดเราเลยสักบาทนึง ถ้าคิดเราอาจจะไม่รอดก็ได้ แต่ว่าเนื่องจากเราจัดการเรื่องเศษอาหารให้ได้” นางสาวปารีณา เล่าให้ฟัง
ส่วนเทคโนโลยีในการจัดการเศษอาหารเพื่อนำไปทำปุ๋ยนั้นทางห้างเซ็นเตอร์ วัน ลงทุนซื้อเทคโนโลยีที่มาจากปัญญาประดิษฐ์ของคนไทย โดยเครื่องนี้จะย่อยสลายขยะที่มาจากเศษอาหารซึ่งมีปริมาณเฉลี่ยวันละ 400 กิโลกรัมและพบว่าขยะเปียกเหล่านี้ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนเลย
นอกจากนี้ยังมีสูตรปุ๋ยหมักในสูตรของ Bangkok Rooftop Farming ใช้วิธีคิดด้วยการใช้อากาศย่อยจุลินทรีย์ โดยนำเศษอาหารไปผสมกับขุยมะพร้าว ใบไม้แห้ง ที่สำคัญเศษอาหารจะต้องมีความชื้นที่เหมาะสมก่อนหน้าที่จะมีโครงการ “Westegetable Farm” ที่ทีม Bangkok Rooftop Farming เข้ามาบริหารจัดการ ทางห้างเซ็นเตอร์ วัน จ่ายค่าธรรมเนียมในการเก็บขยะปีละ 120,000 บาท ยังไม่รวมค่าบริหารจัดการด้านขยะภายในตัวอาคาร เช่น การจ้างพนักงานคอยเก็บขยะในแต่ละวัน
การเสกขยะให้เป็น “เงิน” ด้วยวิธีการ “แปลงเศษอาหารมาเป็นแปลงผัก” นั้น ทำให้คุณปารีณาทิ้งท้ายให้แง่คิดว่า ดูเหมือนฟาร์มนี้สร้างไป เพื่อทำให้คนโลภ แต่สุดท้าย คนเราปฏิเสธเรื่องเงินไม่ได้ ถ้าทุกวันต้องทำ และ ต้องควักตลอดเวลา มันไม่ไหว แต่ถ้าทำแล้ว วันแรกควัก แล้ววันที่สองก็ได้เงินคืนกลับมาทีละ 5 บาท 10 บาท สุดท้ายเงินที่ควักไปตอนแรก คืนอยู่ที่กระเป๋าทั้งหมด แล้วที่เหลือก็ถูกสร้างต่อ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย ชวนคนที่สนใจเรื่องนี้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้าถึงอาหารปลอดภัยได้ วันนั้นสังคมก็จะดีขึ้น อยู่ที่ประชาชนแล้ว เพราะพึ่งใครไม่ได้ ปัญหาโลกร้อนวันนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว อยู่ที่ทุกคนต้องลงมือทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี