ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เปิดเผยว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏ 5 แห่ง ในพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย มรภ.ภูเก็ต มรภ.นครศรีธรรมราช มรภ.สุราษฎร์ธานี มรภ.สงขลา และ มรภ.ยะลา ได้ร่วมกันดำเนินการ “โครงการพัฒนาศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้” ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ได้รับการคัดเลือกในโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย “Reinventing University” ของกลุ่ม 3 ที่มุ่งยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่ (Area-Based & Community) โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นสถาบันการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น
สำหรับภารกิจหลักของศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ คือ การให้บริการด้านองค์ความรู้ นวัตกรรม แก่ชุมชนท้องถิ่นในการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong learning) ด้วยการพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น ทั้งที่เป็น non-degree และ degree ที่สามารถนำผลการเรียนเก็บสะสมไว้ในระบบคลังหน่วยกิต (Credit Bank) และการให้บริการวิชาการและการพัฒนางานวิจัย สร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม
และการยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ระดับสากลตามความต้องการของชุมชน/ท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหา สร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ให้มีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ โดยจะมีการบูรณาการการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ นวัตกรรม และบุคลากร ร่วมกัน เพื่อใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาศักยภาพในระดับภูมิภาคศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ โดยมี 5 ศูนย์ใน 5 แหล่งที่ตั้งตามความเชี่ยวชาญของแต่ละมหาวิทยาลัย ดังนี้
1.ศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ ด้านการพัฒนานวัตกรรมท้องถิ่นและโลจิสติกส์ มรภ.สุราษฎร์ธานี 2.ศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ ด้านการเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น มรภ.สงขลา 3.ศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ ด้านการเกษตรและอาหาร มรภ.ยะลา 4.ศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ ด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ มรภ.ภูเก็ต และ 5.ศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มรภ.นครศรีธรรมราช
“เป้าหมายของโครงการ จะทำให้มีศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ จำนวน 5 ศูนย์ ในการให้บริการด้านองค์ความรู้ นวัตกรรม แก่ชุมชนท้องถิ่น พร้อม
สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน ท้องถิ่นพื้นที่และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการวิจัย และบริการวิชาการ เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ พัฒนาบุคลากรในชุมชน/ท้องถิ่น มีองค์ความรู้และทักษะสอดคล้องตามความต้องการหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น มีอาชีพ มีรายได้ และมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้นักศึกษามีทักษะชีวิตตามจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา ตระหนักรู้ในความสำคัญของการพัฒนาท้องถิ่นและรักถิ่นฐาน มีความรู้และทักษะต่างๆ และสามารถประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา และสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อชุมชนท้องถิ่นได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังสร้างชุมชนนวัตกรรม ที่มีความสามารถในการพัฒนาการพึ่งตนเองและจัดการตนเองเพื่อให้เกิดความยั่งยืน” ผศ.ดร.หิรัญ กล่าว
อธิการบดี มรภ.ภูเก็ต ยังกล่าวอีกว่า ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพบุคลากรจึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ โดยมีตัวอย่างของศูนย์พัฒนาสมรรถนะและฝึกอาชีพตามมาตรฐานการท่องเที่ยวและบริการ กิจกรรม PKRU CMAS One Star Diver ซึ่งจากข้อมูลในส่วนของสถานประกอบการสอนดำน้ำในพื้นที่ พบกว่าร้อยละ 70 ดำเนินการโดยชาวต่างชาติ ทำให้เม็ดเงินไม่ได้อยู่ในประเทศ ดังนั้น หากสามารถพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ให้ได้มาตรฐานสากล จะเป็นการสร้างอาชีพและเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจประเทศได้ปีละหลายร้อยล้านบาท สำหรับในกลุ่มวิชาชีพนี้
ด้าน นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี หัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์ สำนักปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ครั้งล่าสุด พบความรุดหน้าของโครงการแล้วเต็มร้อย พร้อมเป็นต้นแบบในการพัฒนาด้านการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่ (Area-Based & Community) ของการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งพื้นที่ เห็นได้จากศูนย์แต่ละแห่งมีความสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิต และตอบโจทย์จุดแข็งแต่ละพื้นที่ อาทิ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลอันดามัน ซึ่งชาวมุสลิมคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของประชากรโลก
ส่งผลให้ตลาดอาหารฮาลาลเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง โดยมีมูลค่าตลาดทั่วโลกประมาณ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก อีกทั้งยังมีพร้อมและความได้เปรียบในด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งมีกลุ่มสินค้าที่มีความหลากหลายตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันไทยมีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลประมาณ 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ขอรับการรับรองฮาลาลมากกว่า 160,000 รายการ อ้างอิงข้อมูลจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มสินค้าฮาลาล พร้อมแนะนำผู้ประกอบการศึกษาและให้ความสำคัญกับตลาดสินค้าฮาลาลที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น การดำเนินการศูนย์จะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่สำคัญที่ผลักดันให้เกิดความเข้มแข็งให้กับตลาดนี้”นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี