ลูกสาวยอมรับตีพ่อและทิ้งพ่อกลางถนนหน้าบ้านจริง โดยทิ้งมาทั้งหมด 4 ครั้งแล้ว พร้อมระบายความในใจละเอียดยิบ เผยใครจะด่าลูกทรพีก็ยอมเพราะถ้าใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ ด้าน พม.นำทีมหน่วยงานเกี่ยวข้องรุดเจรจาก่อนจะสรุปให้ไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเครียดของลูกสาวและกลับมาคุยกันใหม่
ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุลุงพิการถูกลูกสาวทิ้งให้นอนอยู่บนพื้นถนนภายในแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อคืนวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พลเมืองดีได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบทราบชื่อคือนายคง (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 63 ปี พร้อมรถวีลแชร์และกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ หลังจากติดต่อคนในบ้านแต่คนในบ้านปฏิเสธไม่รับจึงได้นำตัวมาที่ สภ.เมืองระยอง ติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง มารับตัวไปพักชั่วคราวก่อน
ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.65) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา น.ส.เรวดี จันทเปรมจิตต์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง พร้อมด้วย น.ส.ปาริฉัตร อัศดร หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง และนางจีรยดา ธรรมบุษดี ผู้อำนวยการศูนย์บริการคนพิการจังหวัดระยอง ได้เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุในพื้นที่ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุลูกสาวทิ้งพ่อนายคง ไว้กับพื้นถนนหน้าบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อไป
โดยพบกับ น.ส.เกศ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลจริง) อายุ 41 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ เป็นลูกสาวของนายคง บอกว่า ตนยอมรับว่าให้พ่อไปนอนนอกบ้านจริง ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เนื่องจากพ่อซึ่งป่วยเส้นเลือดในสมองแตกแล้วเป็นอัมพฤกษ์ แต่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้วไม่ยอมช่วยเหลือตนเอง หรือทำกายภาพบำบัดเลย เช่นตนเตรียมกับข้าวไว้พร้อมเพื่อจะออกต้องไปทำงานหาเงิน แต่พ่อไม่ยอมลุกมาอุ่นกับข้าวในไมโครเวฟเอง คอยให้ตนทำให้ตลอด หรือแม้แต่การลุกมากายภาพก็ไม่ยอมทำ ในเรื่องของอาหารการกินตนก็ไม่อยากให้กินขนมเพราะรู้ว่าเดี๋ยวจะเป็นโรคเบาหวานตามมา แต่พ่อก็ยังแอบลุกไปหยิบมาทานตลอด ซึ่งตนยอมรับว่าเคยคุยกับพ่อหลายครั้งแล้ว
น.ส.เกศ ยอมรับว่า นายคงเป็นพ่อแท้ๆ ที่ได้รับมาเลี้ยงดูเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา โดยพ่อมีอาการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่ยังสามารถช่วยตัวเองได้ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันตนเองพยายามดูแลให้ทำกายภาพ ออกกำลังกาย เพื่อเป็นการฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น แต่พ่อมักจะดื้อและไม่ยอมทำตาม จนเกิดปัญหาระหองระแหงกันเรื่อยมา สาเหตุที่ทิ้งพ่อหน้าบ้าน เกิดจากพ่อให้ทางภรรยาใหม่ที่อยู่ จ.สงขลา ส่งของมาให้ แต่กลับไม่ยอมส่งมาที่บ้านตน กลับให้ส่งไปบ้านญาติที่อยู่ห่างไปกว่า 40 กิโลเมตรต้องลำบากให้ญาตินำของมาส่งให้ จึงเกิดการทะเลาะกันและประกอบกับหลายๆ ปัญหาที่สะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ยอมทำกายภาพ และไม่ยอมเคลื่อนไหวร่างกายทั้งๆ ที่ยังสามารถเดินได้จึงทิ้งพ่อไว้หน้าบ้านและ ไม่ยอมเลี้ยงพ่ออีกแล้ว ซึ่งการทิ้งพ่อไม่ใช่ครั้งแรก เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็จะพาเข้าบ้านทุกครั้ง แต่ครั้งนี้สุดทน เพราะไม่ไหวแล้ว จึงทิ้งพ่อตั้งแต่บ่ายโมงจนถึง 1 ทุ่มก่อนที่จะมีคนแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือนำตัวไป โดยคิดว่าจะไม่ยอมรับกลับมาดูแลอีกใครจะว่าลูกทรพีก็ยอม เพราะคนดูแลมีอาการเครียดกว่าผู้ป่วยอีก
น.ส.เกศ บอกว่า ตั้งเล็กจนโตตนเองกับน้องชายต้องดูแลกันเอง พ่อไม่เคยมาดูแล เพราะถูกดำเนินคดีจนติดคุก ตนจึงต้องออกจากโรงเรียนมาเป็นเด็กปั๊มหาเงินส่งน้องเรียน พ่อก็ไม่เคยมาเลี้ยงดูปล่อยให้เด็ก 2 คนต้องอยู่กันเองตามลำพัง ในตอนแรกที่รับมาดูแลเพราะไม่มีใครเอาแล้ว ญาติทุกคนต่างทนพฤติกรรมไม่ไหว ตนเองกับน้องชายจึงรับมาดูแล แต่สุดท้ายก็รับไม่ไหว ใครไม่เจออย่าตนคงไม่รู้ ทั้งทำงานหาเงินด้วยส่งของ แต่กลับมาต้องเจอกับพ่อที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ดูแลการกินความเป็นอยู่ จึงไม่ขอรับดูแล ให้ทางเจ้าหน้าที่นำไปดูแล
อยากฝากเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เป็นข่าวไปเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก คนที่ไม่รู้เรื่องราวก็จะตีตราว่าตนเป็นลูกทรพี อยากจะให้สังคมมองด้วยความเข้าใจว่าใครที่ไม่ได้มาเผชิญด้วยตนเองก็คงไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาตนทำอะไรมาบ้าง เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอย่างไร ปัญหาที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง
ด้านศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง ในวันนี้ได้เข้ามาสอบข้อเท็จจริงพร้อมดูสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่าในเบื้องต้นจะต้องแยกคุณลุงกับลูกสาวออกจากกันก่อนเพื่อลดความเครียดและความรุนแรงและให้คุณลุงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯ ประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นจะเป็นไปตามกระบวนการ คือ ให้มีการเจรจา ประณีประนอม ระหว่างลุงและครอบครัว พร้อมทั้งสร้างเงื่อนไขต่างๆ หากคุณลุงต้องการจะยังอยู่กับครอบครัวก็จะต้องมีกติกา แต่หากไม่เป็นไปตามนั้นทางสังคมสงเคราะห์ พัฒนาสังคมจังหวัดก็จะมีการส่งเข้าสถานสงเคราะห์เกี่ยวกับด้านคนพิการต่อไป
นางเรวดี จันทเปรมจิตต์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามจุดหมายของการแก้ปัญหาที่แท้จริงในกรณีเช่นนี้คืออยากให้คุณลุงได้อยู่กับครอบครัว คืนสู่ครอบครัวจะได้รับการดูแลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจได้อยู่กับลูกหลานซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งทางด้านลูกสาวก็ยอมรับข้อเสนอที่ให้ทางศูนย์คุ้มครองดูแลก่อน 1 อาทิตย์เพื่อลดความเครียด และกลับมาคุยกันใหม่
น.ส.ปาริฉัตร อัศดร หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง กล่าวว่า สำหรับนายคง พ่อที่ถูกลูกทิ้งขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดระยอง อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง โดยจะมีการพาไปตรวจร่างกายเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ ซึ่งทางศูนย์จะดูแลไปก่อน 1 สัปดาห์ตามข้อตกลงของบุตรสาว
ด้านเพื่อนบ้านต่างก็เห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายเพราะฝ่ายหนึ่งก็ป่วยอีกฝ่ายก็เหนื่อยที่ต้องทำงานด้วยและดูแลผู้ป่วย แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่เกิดขึ้นเพราะการทำร้ายบุพการีตามหลักศาสนาถือเป็นบาปหนัก จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแต่ก็เห็นใจบุตรสาวเรื่องที่ต้องแบกภาระไว้ลำพังจึงก่อให้เกิดความเครียดเกิดขึ้น
สำหรับเรื่องคดีเนื่องจากทางนายค. ไม่ได้เอาเรื่องหรือแจ้งความใดๆ ทางตำรวจจึงยังดำเนินการใดๆไม่ได้ และทาง พม.ก็ยังไม่ได้แจ้งความเอาเรื่องใดๆ ณ ตอนนี้เนื่องจากดูจากบาดแผลยังไม่ได้มีการบาดเจ็บรุงแรง ที่มาวันนี้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม ก็จะส่งไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.65) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี