“วิกฤติ” นำมาสู่โอกาส เป็นอีกวิธีคิดสำคัญที่ทำให้คนเมืองหลวงเอาตัวรอดได้ ท่ามกลางมรสุมต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ซึ่งโอกาสหนึ่งที่สำคัญคือ การให้พื้นที่ (space) อยู่อาศัยในเมืองหลวง มาปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตนเอง และสร้างรายได้ตามมา
ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ประธานกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เคยกล่าวไว้ว่า สสส. มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้คนไทยได้กินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ข้อแนะนำ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดี รวมทั้งแนะนำให้ปรับการกินอาหารทุกมื้อต้องมีผักและผลไม้เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสวนผักคนเมืองเป็นภาคีที่ช่วยสนับสนุนให้เป้าหมายนี้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยไม่เพียงรณรงค์เรื่องการบริโภคเท่านั้น แต่ยังรณรงค์ไปถึงเรื่องการปลูก และอาหารปลอดภัยด้วย
“วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นเป็นเหมือนโอกาสภายใต้วิกฤต การขนส่งอาหารเป็นไปด้วยความไม่สะดวก ทำให้คนในเมืองเข้าไม่ถึงอาหาร สวนผักคนเมืองได้ใช้จังหวะนี้ในการเข้ามาเติมเต็มสังคม โดยรณรงค์ให้คนปลูกผักในบ้าน ทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการบริโภคผักเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มแหล่งอาหารแล้ว ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์” ทพญ.จันทนา เล่าให้ฟังผ่านเว็บไซต์ Thaihealth.or.th โดยผ่านงานเขียนของ “ปัญจวรา บุญสร้างสม โดยอ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก เทศกาลสวนผักคนเมือง ครั้งที่ 6 : เมือง Move on ไม่ทิ้งความมั่นคงทางอาหารไว้ข้างหลัง และ เอกสารชุดความรู้สนับสนุนสู่การสร้างพื้นที่อาหาร “แปลง ปลูก ปัน”
องค์การสหประชาชาติ (UN) ยังได้ประกาศให้เป็นปี 2564 เป็นปีแห่งการรณรงค์บริโภคผักและผลไม้ ส่วนในปีนี้ ทาง สสส.ได้ขับเคลื่อนให้คนเมืองเห็นความสำคัญของการปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อกู้วิกฤตคนเมือง ที่จะต้องเจอกับมรสุมเข้ามา อาทิ ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าขยับตัวแพงขึ้น จนส่งผลให้ค่าครองชีพแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้นตามมา และ ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งถึงแม้จะคลี่คลายในระดับหนึ่ง แต่ผลกระทบของกลุ่มธุรกิจและร้านค้าที่ทยอยปิดตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้คนเมืองต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากมากขึ้น รวมไปถึงผลกระทบของการสู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวขึ้นตามด้วย
เพราะฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การเห็นความสำคัญของการปลูกผักปลอดสารพิษในพื้นที่ของคนเมืองนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลดวิกฤตเศรษฐกิจของคนเมืองให้คลี่คลายได้ โดยไม่เร่งรัดตัวเอง หรือ บีบคั้นคนเมืองให้อัตคัตมากจนเกินไป ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบในแต่ละช่วงเวลา เพราะอย่างน้อยหากเลือกผักสวนครัวปลูกในพื้นที่คอนโดมิเนียม หรือ พื้นที่บ้านพักของตนเอง ก็จะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
ส่วนในปี 2565 สสส. จัดเทศกาลสวนผักคนเมือง ครั้งที่ 7 ตอน “เมือง-ฟาร์ม-สัมพันธ์” ชูเกษตรในเมืองพื้นที่แห่งความเกื้อกูลกัน โดยจับมือเกษตรกรในเมือง ต่อยอด “ระบบตลาดชุมชน” และขยายผลนวัตกรรมต้นแบบแบ่งปันอาหาร เมื่อวันที่ 28-29 พฤษภาคม 2565 ที่มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อเปิดพื้นที่สื่อสารถึง ‘ความสัมพันธ์’ ระหว่างพื้นที่เกษตรในเมืองกับคนเมืองทุกกลุ่มที่มีความหลากหลาย
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า การขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ ด้วยการส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร และสนับสนุนวิถีการผลิตเพื่อการพึ่งพาตนเองด้านอาหารได้ทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน ด้วยการทำเกษตรในเมือง เพื่อสร้างพื้นที่อาหารของเมือง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ชีวิตถูกลดทอนคุณภาพลง ทั้งนี้การปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ด้วยการทำเกษตรในเมืองและสร้างพื้นที่อาหารของเมือง จะเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทำให้ประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพื้นที่อาหารของเมืองกระทั่งกลายเป็นวิถีชีวิต และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่มไปพร้อมกัน
การปลูกผักในเมือง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของผู้ที่ชื่นชอบเฉพาะบุคคล แต่เมื่อปัญหาต่างๆเข้ามา การปลูกผักในเมือง กลายเป็นพื้นที่ (space) สำหรับคนเมืองที่จะเป็น “โอกาส” ในการมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอย่างมีคุณภาพ บางรายถึงกับสามารถปลดหนี้ได้จากการให้โอกาสตนเองปลูกผักในเมืองหลวง และ ขยายสู่ฟาร์มกลางเมือง รวมถึงการเพิ่มโอกาสให้ผู้อื่นด้วยการเปิดสอนคอร์สออนไลน์ปลูกผักในเมือง เรียกว่าเป็นองคาพยพที่น่าจับตามองเพราะคนเมืองหลวงนั้น นับเป็นจุดแรกของแรงกระเพื่อมในทุกๆมิติของสังคมไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี