ตั้งทนายกองทัพธรรมป้อง 2 วัดดังลุยเอาผิด 'หมอปลา' พร้อมพวก จาบจ้วงเจ้าอาวาสวัดธาตุพนม ลูกศิษย์เหลืออดถ้าเจอขอจัดสักชุด
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลังนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะแม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยนายเอื้อ มูลสิงห์ ทนายความกองทัพธรรมประจำจังหวัดนครพนม และยังเป็นไวยาวัจกรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารอีกตำแหน่งหนึ่ง พระครูโสภณภาวนานุสิฐ อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นายสมพงษ์ หมวดไธสง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม นายพรหมพิริยะ ยสพันธุ ตลอดจนศิษยานุศิษย์ของพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 และตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ออกมาแถลงข้อเท็จจริง
กรณีนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือที่รู้จักกันในนามหมอปลา ได้พา น.ส.สา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี อ้างเป็นหลานสาวของคุณตาวัย 66 ปี ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปลายปี 2541 ออกมาทวงเงินค่าจ้างรับเหมาประมาณ 1.2 ล้านบาทในการก่อสร้างถาวรวัตถุ ภายในวัดมรุกขนครที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2539 หรือเมื่อ 26 ปีที่แล้วโดยอ้างว่ามาเรียกร้องค่าดำเนินการก่อสร้างแทนผู้เสียชีวิตที่มีฐานะเป็นคุณตา พร้อมเรียกร้องให้พระเทพวรมุนี อายุ 82 ปีเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร
โดยนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา รวมถึงทนายความกับพวก เข้าร้องเรียนต่อนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา
หลังจากนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะแม่ทัพทนายกองทัพธรรม มีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงยืนยันว่า เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานพบว่าเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2539 ทางกลุ่มบุคคลที่ดูแลการก่อสร้างคือนางจิราภรณ์ เจริญนาม อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ทำหนังสือบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างก่อสร้าง เนื่องจากงานล่าช้า อีกทั้งการทำงานไม่มีคุณภาพ จึงมีมติบอกเลิกสัญญา
นอกจากนี้ในส่วนของผู้ร้องเรียนอ้างว่ามีพินัยกรรมจากคุณตาที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงติดตามทวงเงินที่ค้างชำระนั้น ไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยเอกสารดังกล่าวทำขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย.41 ก่อนที่คุณตาของผู้ร้องเรียนจะเสียชีวิตเพียงเดือนเดียว โดยตามพินัยกรรมได้มอบหมายให้ทวงหนี้ ถือว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินที่ครอบครองตามกฎหมาย ที่สำคัญยังไม่มีสัญญาจ้างงาน รวมถึงผู้รับจ้างไม่มีการดำเนินคดีฟ้องร้องทางแพ่งในเวลา 2 ปีถือว่าหมดอายุความ ขาดสิทธิในการฟ้องร้อง
ทั้งนี้ จากข้อร้องเรียนถือเป็นการบิดเบือน ให้ร้ายจาบจ้วงพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะตามข้อเท็จจริงในการก่อสร้างถาวรวัตถุ ดำเนินการตั้งแต่เดือน มกราคม 2539 แต่พระเทพวรมุนี ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นพระครูเจติยาภรณ์ เข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร หลังมีการยกฐานะจัดตั้งเป็นวัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 เชื่อได้ว่าคนที่จะต้องรับผิดชอบค่าจ้างจะต้องเป็นคณะบุคคล หรือคณะกรรมการวัดไม่ใช่เจ้าอาวาสอย่างแน่นอน แต่ผู้รับจ้างไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ใช้วิธีร้องเรียนจาบจ้วงทำให้ พระชั้นผู้ใหญ่เสื่อมเสียชื่อเสียง ลักษณะดังกล่าวนี้ไม่แตกต่างจากกรณีหลวงปู่แสง
ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวฝากไปยังหมอปลาหยุดการกระทำที่เป็นลักษณะจาบจ้วงศาสนา จาบจ้วงพระสงฆ์ หยุดสร้างกระแสด้วยวิธีการแบบนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนออกมากล่าวหา ในส่วนของเรื่องนี้ตนจะดำเนินคดีแน่นอนทั้งทางแพ่งและอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งนายเอื้อ มูลสิงห์ เป็นทนายความกองทัพธรรมประจำจังหวัดนครพนม เพื่อร่วมกันปกป้องวัดทั้ง 2 แห่งคือวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร รวมถึงวัดมรุกขนคร และวัดในพื้นที่ จ.นครพนม ทุกแห่งไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดมรุกขนคร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (นครพนม-ธาตุพนม) บ้านดอนนางหงส์หมู่ 7 ต.ดอนนางหงส์ ได้พบกับนายประมวล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ตัวแทนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชิดวัดมรุกขนคร และเคยอุปสมบทโดยมีพระเทพวรมุนีขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นพระครูเจติยาภรณ์เป็นพระอุปัชฌาย์ เปิดเผยว่ากรณีหมอปลา พร้อมบุคคลอ้างว่าเป็นผู้เสียหายออกมาร้องเรียน ตนไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากชาวบ้าน รู้ประวัติความเป็นมาของพระเทพวรมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดมรุกขนครรูปแรก รวมถึงพระครูโสภณภาวนานุสิฐ เจ้าอาวาสวัดมรุกขนครรูปปัจจุบันเป็นอย่างดี ถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพศรัทธา และเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พัฒนาทะนุบำรุงพระพุทธศาสนามาหลายสิบปี อีกทั้งมีจิตเมตตาช่วยเหลือการกุศลมาโดยตลอด การจะมากล่าวหาว่าโกงเงินชาวบ้านเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้รับจ้างจะมีปัญหากับทางคณะกรรมการวัด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในการทำงานตนไม่รู้ แต่เชื่อมั่นในฐานะคนใกล้ชิดวัดดูแลวัด เป็นคนในหมู่บ้าน อาศัยมาตั้งแต่เกิดรับรู้มาตลอด เรื่องนี้ถือเป็นการบิดเบือนข้อมูลกล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่ อยากวอนให้หยุดการกระทำดังกล่าว ขณะที่ น.ส.สา ที่ออกมาร้องเรียนก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามนายประมวล ต่อว่า อยากเจอหมอปลา หรือไม่ นายประมวล ตอบทันควันว่า อยากเจอมาก ถ้าเจอแล้วขอจัดสักชุดจะเป็นชุดเล็กชุดใหญ่ก็บอกมาพร้อมจัดตามคำขอ เพราะไม่พอใจที่มาก้าวร้าวต่อพระอาจารย์ของตน ซึ่งควรตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้
ส่วนพระครูโสภณภาวนานุสิฐ เจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร ต.ดอนนางหงส์ เปิดเผยว่า อยากฝากไปยังสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง หลังมีผู้กล่าวหาร้องเรียน ได้นำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง เพราะการดำเนินการลักษณะนี้นับเป็นการทำลายชื่อเสียงพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 รวมถึงวัดสำคัญที่เป็นศูนย์รวมเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และวัดมรุกขนครนับเป็นวัดที่มีชื่อเสียง มีประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้สักการะบูชาพระธาตุมรุกขนคร หลังมีการบูรณะมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2534 จากวัดร้างจนเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบัน อยากให้สื่อช่วยนำเสนอให้ประชาชนได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริง ที่มีการบิดเบือนข้อมูลให้เสื่อมเสีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี