ธรรมะวันอาทิตย์ ไปนมัสการพระเจ้าใหญ่ลือชัย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่อด้วยอิฐถือปูน ลงรักปิดทองศิลปะล้านช้าง ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถ วัดอำนาจ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่อายุ 700 ปี และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองลืออำนาจ ที่สำคัญ ด้านขวาองค์พระประดิษฐาน มณฑป บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้า และมีพุทธศาสนิกชนเดินทางไปกราบนมัสการ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัวเป็นประจำ
สำหรับวัดอำนาจ อยู่ห่างจากจังหวัดอำนาจเจริญ ประมาณ 20 กิโลเมตร ทางทิศใต้ ถนนสายหลักชยางกรู (อำนาจเจริญ – อุบลราชธานี) เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีหลวงพ่อพระครูบัณฑิตกับจหมื่นชาโนชิต เป็นผู้นำในการก่อสร้างครั้งแรก มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปแล้ว 16 รูป เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระครูสิริศีลวัตร อายุ 59 ปี ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ ฝ่ายมหานิกาย ดูแลพระสงฆ์ 15 รูป สามเณร 10 รูป ไม่มีแม่ชี มรรคนายก 2 คน
บนเนื้อที่ 50 ไร่ ของวัดลืออำนาจ จัดเป็นที่ตั้งแหล่งเรียนรู้ สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาวัฒนธรรม หลากหลายอย่าง อาทิ เช่น ลานปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกลม ก็มีให้พุทธศาสนิกชน เข้าไปทำกิจกรรมทางศาสนาอย่างเต็มที่ ไม่เฉพาะเจาะจงในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น ในวันธรรมดา ก็มีพุทธศาสนิกชนผู้สนใจเข้าไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรมเทศนากับพระครูสิริศีลวัตร ทุกวัน
นอกจากนี้ ภายในวัดอำนาจ ใกล้กับอุโบสถ ยังเป็นที่ตั้งศูนย์พิพิธภัณฑ์โบราณ มีวัตถุโบราณเก่าแก่ จำนวนมาก จัดเป็นหมวดหมู่ ไว้ให้พุทธศาสนิกชน ได้ ชม ได้ศึกษา เรียนรู้ ด้านศาสนา ซึ่งวัตถุโบราณบางสิ่งบางอย่าง หาดูไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะ ใบลาน สำหรับ พระสงฆ์เทศนา มีทั้งแบบภาษาไทยและภาษาลาว ก็เก็บไว้อย่างดี เพื่อรอรับการมาค้นคว้าศึกษาหาความรู้และเที่ยวชม จากพุทธศาสนิกชน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ทุกวัน และเปิดฟรี
ก่อนจะเดินทางกลับ พุทธศาสนิกชน จะแวะฟังธรรมเทศนากับพระครูสิริศีลวัตร เจ้าอาวาสวัดลืออำนาจและรองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ โดยแนะนำให้ถือศีล 5 ข้อ คือ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามพูดเท็จ ห้ามทำผิดในกามและห้ามดื่มสุรา และให้ทำบุญ สร้างกุศล สะสมคุณงามความดีไว้มากๆ เมื่อตายไปแล้ว ผู้คนจะได้จดจำระลึกถึงอยู่เสมอ
พระครูสิริศีลวัตร เจ้าอาวาสวัดอำนาจ รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา อาตมามีพันธกิจ ดังนี้ สร้างจิตสำนึกในความเป็นภิกษุสามเณรและศาสนบุคคลที่ดีมีคุณภาพ,ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศาสนศึกษาทุกระดับ,จัดระบบและรูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีประสิทธิภาพ,จัดและส่งเสริมการศึกษาสงเคราะห์อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ,บูรณะ พัฒนาและสร้างศาสนวัตถุอย่างเหมาะสมตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา,บำเพ็ญกิจกรรมส่วนรวมและประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยใช้หลักพุทธวิถีนำวิถีชีวิต
หลักเกณฑ์ยุทธศาสตร์ กล่าวคือ เน้นฝึกอบรมพระกรรมฐาน ทั้งกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน,สร้างโอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต,ยกระดับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน,พัฒนาการศึกษาสงเคราะห์ตามแนวพุทธวิถีและวิถีพุทธ,พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์รวมทางจิตใจและแหล่งปัญญาธรรม คารวะธรรมและสามัคคีธรรม,เสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์แก่สังคม ชุมชน ปัจเจกชนและสถาบันทางสังคมทุกภาคส่วน
ที่ผ่านมา พระภิกษุสามเณรและศาสนบุคคล ได้รับการฝึกอบรมที่ดีมีคุณภาพอย่างทั่วถึง,พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามฐานานุรูป,ศาสนบุคคล ได้รับการศึกษาหลักธรรม ตามสมควรแก่อัตภาพ,สถานศึกษาของวัด จัดการศึกษาได้มาตรฐาน,การเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำหรับกิจกรรมดีเด่น มีดังนี้ ศูนย์พระพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ ปี 2542,สำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นปี 2553 ,วัดวิถีพุทธเฉลิมพรเกียรติฯปี 2553,วัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นปี 2553,หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ปี 2553, สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดอำนาจเจริญแห่งที่ 11 ปี 53,โครงการลานธรรม ลานวิถีไทย ปี 57,และเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชนปี 57
พระครูสิริศีลวัตร เทศนาตอนหนึ่งว่า การบวชหน้าไฟ หรือชาวอีสาน เรียกว่า บวชจูงศพ หมายถึง ให้ลูกหลานบวชในเวลาสั้นๆ ระหว่างที่พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องเสียชีวิต เพราะเชื่อว่า ผู้บวชจะจูง(พา)ผู้เสียชีวิตขึ้นสวรรค์ เป็นสิ่งที่ดี ถ้าผู้บวช มีความพร้อม จิตใจบริสุทธิ์ ต้องการบวชอย่างจริงใจ ผู้ตายจะได้กุศลบุญเต็มที่ แต่ว่า ที่ผ่านมา มักจะนำลูกหลานที่กำลังดื่มสุรา บางคนยังไม่ส่างเมา ตายาแดงอยู่เลย ก็นำมาบวชหน้าไฟหรือบวชจูง ซึ่งไม่เหมาะสม แทนที่จะพาขึ้นสวรรค์ กลับ พาไปลงนรกเสีย เพราะผู้จะบวชไม่มีความพร้อม ยังทำผิดศีลอยู่ คือดื่มเมาสุราบวช อย่างนี้ไม่ควรเลย ไม่เกรงใจพระสงฆ์เลย คงเข้าใจว่า เผาศพเสร็จก็สึกแล้ว ซึ่งนี่ก็ไม่ถูก เพราะศีลยังไม่จับตัวเลยก็สึกแล้ว ควรจะอยู่วัดสัก 7 วัน ศีลพอจะจับตัวบ้าง จะได้มีบุญบ้าง แต่ไม่ใช่ เผาศพเสร็จก็รีบสึกเลย ญาติโยมควรคิดใหม่ ก่อนจะนำลูกหลานบวชหน้าไฟ หรือบวชจูงศพ ผู้บวชต้องมีความพร้อมทั้งกายและใจ ไม่ใช่ว่า บังคับให้บวชแบบไม่สมัครใจ แบบนี้ ไม่ดีเลย
และขอให้ญาติโยมช่วยกันสอดส่องดูแลปกป้องพุทธศาสนา เพราะทุกวันนี้ คนอาศัยผ้าเหลืองหากินมาก พวกนี้คือพวกเปรต เข้ามาทำลายศาสนา พุทธศาสนิกชน ญาติโยม จึงต้องช่วยกัน กำจัดพวกนี้ออกไป ถ้าพระไม่ดี ปฏิบัติไม่ถูกตามคำสอนพระพุทธเจ้า จะต้องเอาออกไป อย่าให้ทำลายวงการสงฆ์ไปมากกว่านี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ มี หลายวัด ไม่ค่อยมีญาติโยมเข้าไปทำบุญ เพราะเสื่อมศรัทธา อาตมาจึงได้มีการไปเทศนาถึงบ้านญาติโยม ในวันพระช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา เพราะบางคนแก่ชราอายุมาก เดินทางไปวัดยากลำบาก จึงต้องจัดทำเป็นธรรมะสัญจร เทศนาให้ฟังถึงบ้านเลย ในวันไปเทศนา จะมีสมาชิก ธรรมะสัญจร ร่วมเดินทางไปด้วย ครั้งละ 10 -20 คน ทำแบบนี้มา 15 ปีแล้ว ก็ได้ผลดีมาก และที่ผ่านมา เกิดโรคระบาดโควิด19 จึงต้องงดการจัดเทศนาสัญจร จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จึงจะมาพิจาณาใหม่
พระครูสิริศีลวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เทศนาท้ายสุดว่า ขอให้ญาติโยมทั้งหลายทำบุญ สร้างกุศลให้มากๆ ซึ่งผลของการทำบุญ จะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ร่มเย็นเป็นสุข อุปสรรคปัญหาต่างๆจะลดลงหรือไม่มีเลย พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน บางคนทำบุญไว้มากในชาติก่อน มาชาตินี้ ความเป็นอยู่ดี การงานดี เพราะบุญชาติก่อนเกื้อหนุน ส่วนคนที่ความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี อยู่อย่างยากลำบาก แม้ชาติก่อนทำบุญไว้มาก เป็นเพราะมีเจ้ากรรมนายเวร คอยขัดขวาง จะต้องสะสมบุญให้มากมากในชาตินี้ ความเป็นอยู่ การงาน ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญต้องมีจิตใจดีงาม พระครูสิริศีลวัตร กล่าว
นอกจากนี้ ที่ด้านทิศตะวันตกของวัดอำนาจ ยังทำเป็นถ้ำสิรินาคา จากการนิมิตของพระครูสิริศีลวัตร เจ้าอาวาสวัดอำนาจและรองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ ว่ากันว่า ได้ลงไปเมืองบาดาล เมืองพญานาค 2 ครั้ง ซึ่งพุชงพญานาค ปกครองเมืองบาดาล และต้องการจะขึ้นไปโลกมนุษย์ จึงได้ปั้นเป็นรูปพญานาค พุชงพญานาถ ในถ้ำสิรินาคา อย่างที่เห็นในปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา ขอโชคลาภต่างๆ โดยมีพราหมณ์ไมตรี เป็นผู้กล่าวคำนำถวายสักการะ ด้วยพานรูปพญานาค ซึ่งมีให้บูชาพานละ 10 บาททุกคน เพื่อบำรุงวัด
ส่วนนางกุ้ง ผู้ดูแลการจำหน่ายพานสักการะ กล่าวว่า ญาติโยม พุทธศาสนิกชน เดินทางเข้ามานมัสการพระเจ้าใหญ่ลือชัย เสร็จแล้ว ก็จะแวะเข้าไปขอพรสักการะ พุชงพญานาถ ในถ้ำสิรินาคา จากนั้น จะเดินรอบๆถ้ำนาคา และไปสุดที่บริเวณด้านบนถ้ำ เพื่อกราบไหว้ขอพรพระพุทธรูป ซึ่งทำเป็นจุดชมวิวรอบวัดอย่างสวยงาม ทำให้ญาติโยม พุทธศาสนิกชน ต่างประทับใจไปตามๆกัน
สำหรับบรรดานักเสี่ยงโชค มักจะได้รับเลขเด็ดจากความเชื่อหลายทาง เช่น พุชงพญานาค ที่ถ้ำสิรินาคา หรือไม่ก็พ่อปู่ลือชัย ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัดอำนาจ ว่ากันว่าหากบนบานสำเร็จได้ดั่งใจ จะต้องว่าจ้างหมอลำหรือภาพยนตร์มาแก้บน ส่วนเจ้าแม่ตะเคียน เช่นกัน จะพบเห็นชุดไทย แขวนไว้รอบๆต้นตะเคียน จนไม่มีที่จะวางหรือแขวนแล้ว. 012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี