“สลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคา”เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานจนกลายเป็นความชินชาในสังคมไทย ซึ่งหลายรัฐบาลที่ผ่านมาพยายามหาสารพัดมาตรการ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ราคาสลากในท้องตลาดอยู่ที่ใบละ 80 บาทอย่างที่ควรจะเป็นได้ กระทั่งท้ายที่สุด รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาตัดสินใจใช้วิธีการสนับสนุนให้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำสลากร้อยละ 5 จากทั้งหมดที่มีในแต่ละงวด หรือประมาณ 5 ล้านใบ ขายทางออนไลน์ หรือ “สลาก
ดิจิทัล” อีกทั้งยังมีแนวคิดขยายเพิ่มอีก2 ล้านใบ รวมเป็น 7 ล้านใบ
ด้านหนึ่ง “ฝั่งผู้ซื้อดูเหมือนดีใจราวกับยกภูเขาออกจากอก” เสียงสะท้อนในพื้นที่ออนไลน์ ระบายความในใจทำนองที่ผ่านมาเหมือนถูกกดทับ-กดขี่มานาน กระทั่งการมาของสลากดิจิทัลได้ช่วยปลดเปลื้อง-ปลดปล่อยจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ต้องซื้อสลากเกินราคาใบละ 80 บาทอีกต่อไป อีกทั้งยังซื้อง่ายสะดวกสบายไม่ต้องไปเดินหาตามแผง ถึงขนาดที่บางคนเชียร์ว่า กองสลากควรจะขายสลากดิจิทัล 100% ไปเลยเพราะยุคนี้เทคโนโลยีพร้อมแล้ว
แต่อีกด้านหนึ่ง “ฝั่งผู้ขาย (แบบดั้งเดิม) เจ็บ จุก กระอักเลือด น้ำตาซึม”เพราะนับตั้งแต่มีสลากดิจิทัล แผงขายสลากหลายจุดเงียบเหงา หลายรายโอดว่าขายไม่ได้ ถึงขั้นบอกว่าหลังจากนี้อาจต้องเปลี่ยนอาชีพ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรเพราะคนขายสลากจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุหรือส่วนหนึ่งก็เป็นผู้พิการ ถึงขนาดที่มีการนำผลกระทบนี้ไปหารือกันในสภาผู้แทนราษฎร โดยหวังให้รัฐบาลแก้ปัญหาสลากเกินราคาพร้อมกับดูแลผู้ค้าสลากแบบดั้งเดิมด้วย
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเลยพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้รัฐบาลลงมือแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างจริงจัง นั่นคือ “ทบทวนโควตาสลากขององค์กรหรือนิติบุคคล” ซึ่งปัญหาที่พบคือบางองค์กรไมได้นำสลากไปกระจายให้สมาชิกไปขายต่อแต่นำไปขายให้ยี่ปั๊ว จากนั้นผู้พิการหรือผู้ด้อยโอกาสที่ต้องการขายสลากแต่เข้าไม่ถึงการจัดสรรโควตา ก็ไปซื้อสลากต่อมาอีกทอดหนึ่ง และนี่คือที่มาของปัญหาการขายสลากเกินราคาใบละ 80 บาท เพราะราคาที่ซื้อมามีการบวกเพิ่มต่อกันเป็นทอดๆ
“ทำหน้าที่ของสำนักงานสลากเองทั้งหน้าที่รัฐบาลให้ดีที่สุดก่อน ผมจึงจะสบายใจแทนพี่น้องประชาชน ที่เขาตั้งความหวังในการที่จะมีอาชีพ และเป็นอาชีพที่อิสระ เป็นอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย ให้โอกาสเขาเถอะครับ จึงขอเรียกร้อง ชะลอการเพิ่มจำนวนไว้ก่อนแล้วไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อให้สลากมันกลับลงมาอยู่ที่80 บาทได้ ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศเขาพร้อมที่จะยอมรับได้ แล้วคนอีกกลุ่มหนึ่งก็จะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”เลิศศักดิ์ กล่าว
สอดคล้องกับความเห็นของรศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะนักวิชาการที่ศึกษาประเด็นการพนันและสลากกินแบ่งรัฐบาลมายาวนานที่มองว่า การได้รับโควตาสลากไปแต่ไม่มีผู้จำหน่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควร อีกทั้งบริบททางเศรษฐกิจและสังคมได้เปลี่ยนไปจากเดิมถึงขั้นที่ปัจจุบันสามารถฝากร้านจำหน่ายสลากทางออนไลน์ได้แล้ว
ดังนั้น จึงควรค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนสลากดิจิทัลให้มากขึ้น พร้อมไปกับการผลักดันผู้ค้าโดยเน้นที่กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุผู้พิการ ให้เข้าสู่ระบบ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ยังสามารถหางานทำได้ ควรส่งเสริมอาชีพอื่นจะดีกว่า ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยก็ยังขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีล่าสุด พบมีผู้เข้าสู่อาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลมากขึ้น จากในอดีตมีเพียงหลักหมื่นคนแต่ทุกวันนี้เพิ่มเป็นหลักแสนคน แม้กระทั่งคนหนุ่ม-สาว อายุ 20 กว่าๆ ก็เริ่มเห็นมาขายสลากกันแล้ว
รศ.ดร.นวลน้อย ยังกล่าวอีกว่าส่วนข้อกังวลเรื่องการรื้อโควตาสลากแล้วมาจัดสรรกันใหม่ จะทำให้นิติบุคคลประเภทองค์กรการกุศลได้รับผลกระทบ เรื่องนี้สามารถพิจารณาเป็นประเภทได้ เช่น หากเป็นองค์กรที่ดูแลผู้พิการ ก็สามารถสนับสนุนให้เข้าสู่ระบบสลากดิจิทัล เพราะระบบที่ใช้อยู่คือระบบฝากขาย เจ้าของสลากยังเป็นผู้ค้ารายย่อยไม่ใช่รายใหญ่ ที่แต่ละคนจะได้โควตาสลากคนละ 5 เล่ม ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ค้าได้ เพราะอย่าง 5 ล้านใบที่ขายในระบบสลากดิจิทัลปัจจุบันเจ้าของที่เป็นผู้ค้ารายย่อยก็ยังอยู่ เปรียบเสมือนการมีร้านของตนเอง
ส่วนองค์กรอื่นๆ ที่ปัจจุบันได้รับงบประมาณหรือมีแหล่งรายได้ทางอื่น ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับโควตาสลากอีกต่อไป โดยย้ำว่า หากย้อนไปดูการออกสลากครั้งแรก เป้าหมายหลักคือ การระดมทุนในสังคม เรื่องการกุศล ซึ่งในหลายประเทศเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากจะถูกนำไปจัดสรรเป็นเงินทางด้านช่วยเหลือสังคมทั้งสิ้น ในขณะที่ประเทศไทยเป็นส่วนแบ่งรัฐบาลซึ่งยังผ่านเข้าสู่ระบบงบประมาณ ยังไม่มีเป้าหมายเฉพาะว่า เป็นเรื่องทางสังคม
“ในเรื่องของคนขายที่ผ่านมามีองค์กรการกุศลเข้ามาด้วยจุดมุ่งหมายทางสังคม เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอันนี้ แก้ปัญหาเรื่อง 80 บาท เรายังยึดเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือสังคมด้วย อะไรทั้งหลายต้องเน้นคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดกลุ่มเปราะบาง กลุ่มอะไรทั้งหลายเหล่านี้ มันก็จะทำให้สลากบรรลุเป้าหมายของการมีสลาก” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี