เพราะเราเพื่อนกัน จึงไม่ทิ้งกัน อีกคนอุ้ม อีกคนช่วยถือกระเป๋า! เป็นภาพความประทับใจของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่ามะขามวิทยา อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ที่เพื่อนต้องอุ้มเพื่อนขึ้นชั้นเรียนบนอาคารเรียนชั้น 3 ทุกวัน เพราะเพื่อนไม่มีแรงขึ้น
นี่คือภาพความมีน้ำใจของเพื่อนนักเรียนด้วยกันของโรงเรียนท่ามะขามวิทยา อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่ช่วยกันถือกระเป๋าและอุ้มเพื่อนขึ้นบันไดอาคาร 3 ชั้นเพื่อขึ้นไปเรียนหนังสือของ "น้องมีน" หรือ "ด.ญ.พรทิมา ตันพานิช" อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 (ม.1) ซึ่งมีรูปร่างกระดูกผิดรูปมาแต่กำเนิดและปอดยังแฟบ ก่อนหน้านี้น้องมีน ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนฉีดผู้ปกครองการเกิดวิตกกังวลถึงผลข้างเคียงเกรงน้องจะเป็นอันตราย เพราะร่างกายไม่ปกติอยู่แล้ว จึงไปปรึกษาแพทย์ ซึ่งได้ให้คำแนะนำมาว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์แล้วทำให้นายพิพัฒพงศ์ ตันพานิช บิดา และนางพรพรรณ ปานเนียม มารดา อยู่บ้านเลขที่ 106/12 หมู่ 8 ต.ดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ตัดสินใจพาน้องมีน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 1 หลังจากฉีดแล้วได้กลับมานอนพักที่บ้านไม่นานก็เริ่มมีอาการจากผลข้างเคียงวัคซีนทำให้ต้องพาน้องเข้าห้องไอซียูที่โรงพยาบาลนำไปสู่การรักษาที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นปีแล้วจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนโควิด ทำให้น้องมีน มีอาการเหนื่อยมากมาจนถึงทุกวันนี้
ด.ญ.พรทิมา ตันพานิช หรือ น้องมีน อายุ 13 ปี เปิดเผยว่า หลังฉีดแล้วผ่านมาหลายวันรู้สึกไอ เจ็บหน้าอก เริ่มหายใจแรง แม่ให้กินยาแต่ก็ไม่หาย นอนไม่หลับและเริ่มหายใจไม่ออกเจ็บหน้าอกจนนอนไม่ได้ แม่ได้พาไปคลินิกหมอบอกว่า ที่เล็บเริ่มเขียวทั้งเล็บเท้าและเล็บมือ เลยส่งไปที่โรงพยาบาลราชบุรี และให้นอนที่รักษา ช่วงเช้ามืดได้ใส่ท่อหายใจพร้อมกับส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ช่วงก่อนที่ฉีดวัคซีนไม่เคยมีอาการแบบนี้ รู้ตัวว่าหลังจากที่ฉีดวัคซีนเมื่อตอนอยู่ ป.6 มาแล้วจะรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น ถ้าเดินมากๆจะเหนื่อย แต่ได้เพื่อนๆคอยช่วยอุ้มพาเรียนหนังสือ
ด.ญ.ยาตนา และ ด.ญ.แยม ชาวต่างด้าวเพื่อนน้องมีน เปิดเผยว่า ตอนที่เรียนอยู่ ป.6 เพื่อนมีร่างกายไม่สมบูรณ์มานานตั้งแต่เรียนอยู่ ป.1 แล้วสงสารเพื่อนก็เลยช่วยกันอุ้มพาเรียน ถ้าช่วยพยุงให้เดินแล้วจะต้องช่วยกันพยุง 2 คนจะต้องมีคนถือกระเป๋าและต้องช่วยพยุงก็กลัวเพื่อนจะเจ็บ จึงตัดสินใจใช้วิธีอุ้มดีกว่าเพื่อนต่างห้องเรียนมาเห็นก็ยังมาช่วยกันอุ้มพาเรียนด้วย
นางพรพรรณ ปานเนียม มารดาน้องมีน เปิดเผยว่า ตอนนี้ต้องฟื้นฟูร่างกายน้องไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าน้องจะรักษายืดเยื้อนานจะครบปีแล้ว ได้เข้าห้องไอซียูตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว น้องได้รับเงินเยียวยาจากการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทาง สปสช.ช่วยเหลือจำนวน 2 แสนบาท ตอนที่ให้เงินมานั้นน้องยังนอนอยู่ห้องไอซียูอยู่ พอออกมาได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลราชบุรีเพื่อคอยดูออกซิเจนน้องที่ยังไม่ดีขึ้น พอได้ระยะหนึ่งก็ต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลา จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ น้องเดินได้แต่มีอาการเหนื่อยมาก โดยช่วงแรกมีกฎออกมาให้ไปฉีดวัคซีน อยากให้นักเรียนไปเรียนหนังสือ เป็นช่วงที่มีการระบาด จึงปรึกษาแพทย์แล้วบอกว่าน้องมีกระดูกคดร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่หมอบอกไม่มีผลกระทบอะไรบอกว่าก็เหมือนวัคซีนทั่วไป ซึ่งตั้งแต่น้องเข้าไอซียูก็ไม่ได้ทำงาน ส่วนสามีมีอาชีพเป็นยามรักษาความปลอดภัย
ส่วนตัวเองจะค้าขายและรับจ้างทั่วไปที่ตลาดศรีเมืองได้เงินแบบรายวัน พอน้องป่วยก็หยุดทำงานทุกอย่างทำให้ขาดรายได้ เหลือแต่ของสามีมีรายได้วันละ 370 บาท หากไม่ทำวันไหนก็ไม่ได้เงิน ตอนนี้ทำเรื่องมารักษาที่โรงพยาบาลราชบุรีแล้ว แต่ก่อนจะพาน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็กในกรุงเทพฯ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายการเดินทางมากจึงหาทางลดค่าใช้จ่าย และพยายามหาทางรักษาเพราะน้องมีนอยากเรียน
นายอภิเชษฐ์ เกตุกร ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะขามวิทยา เปิดเผยว่า หลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก น้องมีอาการเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งเคยเดินด้วยตัวเองได้ แต่พอรับวัคซีนแล้วมีผลต่อร่างกายต้องเข้าโรงพยาบาล พอมาอยู่โรงเรียนเข้า ม.1 พ่อโทรมาบอกอยากขอให้ลูกเข้าเรียน โดยงานแนะแนวระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้คุยกันและพยายามช่วยเหลือครอบครัว ทราบข่าวว่าแม่น้องต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก ส่วนพ่อทำงานคนเดียวรายได้ไม่พอ โดยการจัดการเรียนการสอนจะจัดตามอาคารเรียนต่างๆ ต้องเดินขึ้นลงอาคาร ได้เห็นเพื่อนช่วยกันอุ้มเพื่อนเรียนหนังสือทุกวัน ถือเป็นภาพประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงเรียนถึงความมีน้ำใจ จึงรู้สึกเป็นห่วงหลังจากเงินที่ได้รับการเยียวยาจาก สปสช.มา 2 แสนบาท
"ขณะนี้เงินก้อนนี้ใกล้หมดลง ครอบครัวจะมีปัญหาเพราะมีแต่รายจ่ายทุกวัน หากมีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือไว้เป็นทุนการศึกษาให้น้องมีนได้เรียนหนังสือ และไว้เป็นค่าใช้จ่ายรักษาตัวจะเป็นแนวทางที่ดีแก่ครอบครัวของน้องมีนในอนาคตได้" ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะขามวิทยา กล่าว
จากภาพที่เพื่อนช่วยอุ้มน้องมีนไปเรียนตามอาคารเรียนได้กลายเป็นภาพแห่งความประทับใจและความเอื้ออาทรที่มีต่อกันของเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนยากที่จะพบภาพแบบนี้ได้ง่ายนักสำหรับความผูกพันที่มีให้กัน แม้จะเป็นเด็กต่างชาติ ต่างภาษาแต่ความมีน้ำใจที่มีให้กันระหว่างเพื่อนที่กำลังทุกข์ยากนั้นน่าชื่นชม ซึ่งตัวน้องมีนยังคงมีความหวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมามีร่างกายแข็งแรงอีกครั้ง และจะได้ตั้งใจเรียนหนังสือมีการศึกษาที่ดี เพื่อมาคอยดูแลครอบครัวในอนาคต
ผู้ใจบุญสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ ด.ญ.พรทิมา ตันพานิช บัญชี เลขที่ 4822930824 ธนาคาร TTB สาขาโพธาราม หรือ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ นางพรพรรณ ปานเนียม มารดา หมายเลข 093-4488690
- 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี