เพจดังเปิดข้อมูล'90 วินาที'ต้องอพยพ ชี้เหตุผลที่ไม่ควรนั่งบนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ

เพจดังเปิดข้อมูล'90 วินาที'ต้องอพยพ ชี้เหตุผลที่ไม่ควรนั่งบนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ

วันจันทร์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 08.49 น.

1 สิงหาคม 2565 จากกรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินนกแอร์ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ไถลออกนอกรันเวย์ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยไม่มีผู้โดยสารและลูกเรือได้รับบาดเจ็บ แต่ทางสายการบินมีการอพยพผู้โดยสารล่าช้า จนเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล 

ด้านเพจ I’m from Andromeda ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับการอพยพบนเครื่องบิน ที่ผู้โดยสารต้องถูกช่วยเหลือภายใน '90 วินาที' หากเกิดเหตุฉุกเฉิน และไม่ควรมีใครนั่งอยู่บนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุนานนับชั่วโมง โดยทางเพจดังระบุข้อความว่า


ตัวเลข 90 วินาที เป็นเลขที่คุณต้องจดจำเอาไว้หากต้องพิจารณาขึ้นเครื่องบินหรือสายการบินลำใดลำหนึ่ง

มันคือตัวเลขที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ได้ทดลองเอาไว้ว่าเป็นเวลาที่ช้าที่สุดที่ผู้โดยสารทุกคนควรอพยพออกจากเครื่องบินหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

90 วินาทีมาจากไหน?

ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 มีการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะเพลิงไหม้หลังจากเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

ในเดือนเมษายนและกันยายน ค.ศ.1964 FAA ได้ทำการทดสอบจำลองการชนและเพลิงไหม้ของเครื่องบินโดยใช้เครื่องบินดักลาส DC7 และล็อกฮีด L1649 โดยติดตั้งกล้องความเร็วสูงไว้ภายในเครื่องบินและรอบๆ พื้นที่ภายนอก เพื่อบันทึกผลกระทบของเครื่องบิน หุ่นนักบินจำลอง และผู้โดยสารจำลอง

จากการวิจัยพบว่ามี “ไฟ” 2 แบบที่เกิดขึ้นและคร่าชีวิตคนบนเครื่องบินอย่างแรกคือ ไฟที่เกิดขึ้นบนวัสดุและอุปกรณ์บนเครื่องบิน มันจะค่อยๆ ลุกลามพร้อมควันมหาศาลและจะแผดเผาไปทั้งลำในที่สุด และอีกประเภทคือ “Flashover” ที่เชื้อเพลิงบนเครื่องบินเกิดการไหม้และทำให้เกิดเปลวไฟการลุกท่วมในชั่วพริบตา

จากการทดสอบครั้งนั้นระบุว่าแม้ว่าโครงสร้างในห้องโดยสารจะแข็งแรงขนาดไหน แต่หลังจาก 120 วินาทีคือระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้โดยสารจะสำลักควันไฟจนเสียชีวิตรวมไปถึงโดนไฟคลอกจนเสียชีวิต

FAA จึงได้ปรับลดเวลาเหลือ 90 วินาทีเพื่อความปลอดภัย และใช้ตัวเลขนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จงจำไว้ว่า หากคุณรอดพ้นจากอุบัติเหตุเครื่องบินไม่ว่าจะชนิดใดรูปแบบใด อย่าคิดว่าตนเองปลอดภัยแล้วจนกว่าจะได้ออกจากเครื่องบิน เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดคือ “ไฟ” และ “ควันไฟ”

ข้อมูลจาก FAA ระบุว่าในอดีตอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เครื่องบินไม่ได้ชนรุนแรง ผู้โดยสารที่ยังรอดชีวิตกลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่จำเป็น จากการสำลักควันไฟเพราะไม่สามารถอพยพออกจากเครื่องบินได้ทัน

ในบันทึกยังระบุว่าอาจมีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นหากผู้โดยสารได้ฟังวิธีการขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีการกำกับการอพยพฉุกเฉินบนเครื่องบินอย่างเหมาะสม

ดังนั้นหากคุณสังเกตจากเหตุการณ์ในอดีต จากข่าว หรือแม้แต่มองเห็นการปฏิบัติของลูกเรือในสายการบินนั้นๆ แล้วคุณรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะออกได้ภายใน 90 วินาทีเปลี่ยนสายการบินเถอะครับ เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาอะไรได้อีกหากต้องอยู่บนฟ้า

ต่อไปแอดมินขอให้ความเห็นในฐานะที่เป็นนักบินมาเป็นเวลา 12 ปี

หากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือพื้นรันเวย์หรือพื้นดินจะกระทบกับสิ่งที่ไม่ควรกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือถังที่บรรจุเชื้อเพลิงเอาไว้ การครูดกันนี้ทำให้เกิดความร้อน ซึ่งความร้อนก็ก่อให้เกิดไฟ

ไฟที่จะเกิดบนเครื่องบินจงจำไว้ว่า ไม่ว่าฝนจะตกหนัก หรือรันเวย์จะเปียกแค่ไหน มันไม่ได้ช่วยให้ไฟดับแต่อย่างใด

และแม้ว่าจะดับเครื่องยนต์ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นไม่ได้รับประกันว่าไฟจะไม่ไหม้ สิ่งที่ควรทำเร็วที่สุดหากผมเป็นกัปตันในเที่ยวบินนั้น คือการสั่งให้ผู้โดยสารออกจาก

เครื่องบินให้เร็วที่สุด เพราะคุณไม่มีทางมั่นใจใดๆ ว่าเครื่องบินจะไม่เป็นอะไรอีกหลังจากนั้น

ถ้าหากไม่มั่นใจ ก็ควรสั่งอพยพ

ไม่มีใครควรต้องมานั่งบนเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุเป็นชั่วโมง จงคิดเอาไว้เสมอว่าการนั่งเครื่องบินคือการนั่งบนเชื้อเพลิงขนาดใหญ่หลายสิบตันพร้อมไฟฟ้าและความร้อนมหาศาล

ดังนั้นหากสิ่งที่คุณนั่งทับอยู่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ไม่ควรอพยพออกจากมัน
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top