ชาวบ้านท่าลี่ยอมตายเพื่อ 'ต้นมะค่าโมง' 1 ต้น ปลูกมากว่า 25 ปี รักและหวงแหนมาก ที่กำลังจะโดนตัด หลังจากที่รัฐทำตลิ่งกั้นน้ำ และพบว่าต้นไม้ไปขวางทาง
เป็นภาพที่เห็นแล้วเศร้า เมื่อชาวบ้านนากระเซ็ง อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย มีการรวมตัว เพื่อปกป้องต้นไม้ที่พวกตนปลูกมากับมือร่วมหลายสิบปีในพื้นที่ริมน้ำเหืองและในอีกไม่กี่วันจะมีการตัดต้นไม้ต้นนี้ หลังมีโครงการขนาดใหญ่ ทำตลิ่งกั้นน้ำเหืองและมีเส้นทางพาดผ่านต้นไม้ ต้นมะค่าโมงใหญ่อายุกว่า 25 ปี ลำต้น 2-3 คนโอบ ที่ชาวบ้านปลูกมาเพื่อเป็นคันกั้นน้ำตามธรรมชาติ ก่อนที่จะมีโครงการใหญ่มาลงและต้องการตัดต้นมะค่าโมงต้นนี้ เพื่อเป็นทางเดินริมน้ำแต่งานนี้กลับเงียบ ไม่มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้คำปรึกษา และหวงแหนต้นไม้ที่หายากและเป็นปอดของชุมชน ของโลก จนชาวบ้านนั้นต้องออกมาปกป้องต้นไม้เองด้วยชีวิต
นางสาตี วรินทรา อายุ 74 ปี ชาวบ้านนากระเซ็งซึ่งเป็นภรรยาคนปลูกและคนดูแลต้นมะค่าโมง กล่าวว่า ก่อนนี้ นายสมจิตร วรินทรา อายุ 82 ปี สามี ซึ่งเป็นคนปลูกต้นมะค่าโมงต้นนี้มาตั้งแต่ 25 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำเป็นพื้นที่ตลิ่งน้ำเหือง จนมาวันนี้เจริญเติบโตสูงใหญ่กว่า 30 เมตร และปลูกต้นไม้อื่นๆ เช่น ต้นสัก ต้นพะยูง ไม้ไผ่ เพื่อกันดินตลิ่งพังหรือกันน้ำเซาะซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี สำหรับคนที่อยู่ริมน้ำมาตั้งแต่โบราณ เช่น ชาวบ้านเหล่านี้
นางสาตี กล่าวต่ออีกว่า รัฐหรือราชการซึ่งมีทั้งความรู้มีเจ้าหน้าที่ เครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัย กลับไม่รู้คุณค่าความสำคัญและประโยชน์ของต้นไม้ที่มีการปลูกมาหลายสิบปี จะตัดจะโค่นต้นไม้มะค่าโมงต้นนี้ที่โตมาแล้วและผลิตออกซิเจนให้คนได้หายใจ การทำโครงการป้องกันตลิ่งแต่เอาต้นไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้ออกไปเกือบทั้งหมด มันจะดีหรือ เอาหินภูเขามาถมแทนเรื่องนี้ชาวบ้านไม่สบายใจ และกลับเป็นการสร้างความทุกข์ใจให้กับนางสาตีและตาจิตร ชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ติดกับตลิ่งริมน้ำเหือง อยากจะให้เก็บต้นไม้ไว้ให้ลูกหลานหรือช่วยพิจารณาในการปรับเปรียบเส้นทางเพื่อความเหมาะสม โดยไม่ทำลายธรรมชาติ ตนยืนยันว่า จะรักษาต้นมะค่าโมงต้นนี้ไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดินไทยเท่าชีวิต เพื่อเอาไว้ให้ลูกหลาน อย่างน้อยก็เป็นปอดของชุมชนจะรักษาด้วยชีวิต
ด้านนายทองดี วรินทรา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านนากระเซ็ง กล่าวว่า การก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งแม่น้ำเหืองก่อให้เกิดผลกระทบกับการดำรงชีวิตของชาวนากระเซ็งคือ 1.การที่รถบรรทุกขนหินขนดินวิ่งในหมู่บ้านทำให้ดินโคลนหล่นบนถนน ทางผู้รับเหมาก็เอาน้ำมารดถนนกลายเป็นดินโครน การเดินทางลำบากเวลาแดดออก ถนนก็กลายเป็นฝุ่นและรถบรรทุกก็วิ่งทั้งวัน 2.การสร้างตลิ่งได้ทำลายวิถีชีวิตคนริมน้ำเนื่องจากการก่อสร้างได้ทำกำแพงสูงไม่มีทางลงไปแม่น้ำตามวิถีเดิมๆคือปลูกผักริมตลิ่งและหาปลาในแม่น้ำ 3.การก่อสร้างไม่ได้แจ้งหรือประชาคมให้ชาวบ้านรับทราบเรื่องที่จะต้องตัดโค่นต้นไม้ของชาวบ้านที่อยู่ริมตลิ่งและไม่มีการจ่ายค่าเวนคืนต้นไม้แต่อย่างใด
อยากให้หน่วยงานราชการ ที่เกี่ยวข้องเข้ามา ดูแลและทำความเข้าใจกับชาวบ้านและหากสามารถทำให้ต้นไม้ต่างๆ นั้น คงอยู่จะเป็นสิ่งที่ดีมากกับชาวบ้าน -009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี