“ในปีนี้เรามีประชากรที่อายุเกิน 60 ปีมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ และอีก 9 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด คือมีประชากรที่อายุเกิน 60 ปีมากกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ” เป็นการเปิดเผยของ สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในงาน “มหกรรมสร้างสุขที่ปลายทาง ครั้งที่ 4”ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมาถึงโครงสร้างสังคมที่ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะ “สังคมสูงวัย” ที่สัดส่วนประชากรวัยเกษียณเพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีกในไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อพูดถึงผู้สูงอายุ “เบี้ยยังชีพ” คือหนึ่งในสวัสดิการสำคัญที่รัฐไทยจัดให้ โดยแบ่งตามเกณฑ์อายุดังนี้, อายุ 60-69 ปี เดือนละ 600 บาท, อายุ 70-79 ปี เดือนละ 700 บาท, อายุ 80-89 ปี เดือนละ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป เดือนละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราสูงสุด ด้านหนึ่งมีความพยายามจากภาคประชาสังคมเรียกร้องให้เพิ่มเบี้ยยังชีพให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง (เช่น เดือนละ 3,000 บาท) ซึ่งก็มีข้อถกเถียงกันว่ารัฐไทยมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ในการดำเนินการเรื่องนี้ แต่อีกด้าน ลำพังการจ่ายเบี้ยยังชีพ ณ ปัจจุบันก็ยังพบปัญหา
ดังกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หยิบยกมานำเสนอในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีมีผู้สูงอายุร้องเรียนเข้ามาเรื่องจำนวนเบี้ยยังชีพที่ได้รับ โดยเหตุที่ร้องเรียนเพราะอายุ 70 ปีแล้ว ควรจะได้รีบเดือนละ 700 บาท แต่ยังได้ในอัตราอายุ 60-69 ปีอยู่ คือเดือนละ 600 บาท โดยเป็นการขยายผลจาการตรวจสอบข้อร้องเรียนสู่การทำข้อเสนอแนะแก้ปัญหาเชิงระบบ ซึ่ง กสม. มีข้อสังเกตถึงปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่บังคับใช้ในปัจจุบัน อาทิ
“สิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ที่ก่อนปีงบประมาณ 2562 จะเริ่มจ่ายเบี้ยให้ในเดือนแรกของปีงบประมาณหลังจากที่ผู้สูงอายุมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และยังคงใช้บังคับกับกรณีผู้สูงอายุซึ่งไม่ได้ลงทะเบียนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ขณะที่ผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและลงทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 เป็นต้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไป
เช่นเดียวกับการปรับเบี้ยผู้สูงอายุตามอัตราขั้นบันได เนื่องจากแนวปฏิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะไม่มีการปรับอัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุระหว่างปีงบประมาณ ทำให้ผู้สูงอายุบางส่วนเสียสิทธิที่ตนพึงจะได้รับในระหว่างนั้น อันอาจเกิดจากความเข้าใจต่อระเบียบการลงทะเบียนที่คลาดเคลื่อน และการขาดการประชาสัมพันธ์ที่เพียงพอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีผู้สูงอายุซึ่งถูกสวมสิทธิการรับเบี้ยยังชีพจากบุคคลที่ตนมอบอำนาจให้รับเงินแทน กลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพไม่ครบถ้วน หรือล่าช้า หรือกรณีผู้สูงอายุโยกย้ายภูมิลำเนาและไม่ได้ไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นภูมิลำเนาใหม่ หรือกรณีถูกจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน จนเป็นเหตุทำให้เสียสิทธิการได้รับเบี้ยยังชีพหลังขึ้นปีงบประมาณใหม่ อันส่งผลต่อการดำรงชีพ
กรณีเหล่านี้สะท้อนปัญหาการบังคับใช้ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และวิธีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้สูงอายุบางกลุ่มที่อาจถูกลิดรอนสิทธิที่ตนพึงได้รับ ตลอดจนปัญหาการเชื่อมโยงระบบของหน่วยงานรัฐด้วยกัน ที่สร้างขั้นตอนและภาระเกินความจำเป็น
โดยในคราวประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 ได้มีข้อเสนอแนะให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2552 และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นหลักเกณฑ์การลงทะเบียนและกระบวนการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันปัญหาผู้สูงอายุที่อาจถูกลิดรอนสิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ตนพึงมี โดยให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
นอกจากนี้ กสม. ยังมีข้อเสนอแนะให้คณะรัฐมนตรีโดยกระทรวงมหาดไทย ต้องเร่งรัดการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของประชาชนทุกส่วนราชการกับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรให้เป็นระบบเดียวกันให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และนำไปปรับใช้กับการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การปรับจ่ายเบี้ย การย้ายสิทธิจากการโยกย้ายภูมิลำเนา และการตรวจสอบการสวมสิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วย
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการลงทะเบียนและกระบวนการจ่ายรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแก่ประชาชน พร้อมดำเนินการเชิงรุกด้านการสำรวจจำนวนประชาชนที่มีสิทธิลงทะเบียนผู้สูงอายุในแต่ละปี เพื่อให้ความช่วยเหลือในการลงทะเบียนเพื่อป้องกันปัญหาการเสียสิทธิ
รวมถึงดำเนินการตรวจสอบกระบวนการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ถูกต้อง โปร่งใส และครบถ้วนตามสิทธิที่ผู้สูงอายุพึงได้รับ!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี