อาฟเตอร์ช็อก!ผู้ปลูกกัญชาเผยกม.ถูก‘แช่แข็ง’ วิสาหกิจชุมชนเคว้ง-เสี่ยง‘เถื่อน’
18 กันยายน 2565 ดร.โยธิน ไชยธงยศ อายุ 70 ปี ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน เกษตรอุตสาหกรรม 61 บ้านหนองแซง ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เปิดเผยว่า กลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน เกษตรอุตสาหกรรม 61 บ้านหนองแซง ถือเป็นวิสาหกิจชุมชนแห่งเดียวของ จ.นครพนม หรือแห่งเดียวของประเทศไทยก็เป็นได้ ที่มีการขับเคลื่อนเสนอขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยการลงนามความร่วมมือกับ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยสงขลาศรีนครินทร์ เพื่อนำผลผลิตทั้ง ใบ ช่อดอก ราก ลำต้น นำส่งวิจัยผลิตเพื่อทางการแพทย์เป็นหลัก
จนกระทั่งได้รับหนังสืออนุญาต ให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เกี่ยวกับการมีไว้ครอบครองเมล็ดกัญชา รวมถึงผลิตปลูก ยาเสพติดประเภท 5 กัญชา ภายใต้การขออนุญาต ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และเป็นไปตามกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งถือเป็นแห่งเดียวของ จ.นครพนม และของประเทศไทย ที่สามารถขออนุญาตได้ถูกต้องตามขั้นตอน
“ส่วนรายอื่นๆ จากการศึกษาข้อมูลพบว่ายังเป็นวิสาหกิจชุมชนเถื่อน มีจำนวนมากกว่า 300 แห่งทั้งประเทศ โดยเฉพาะ จ.นครพนม มีมากเกือบ 100 แห่ง ที่ยังไม่มีการรองรับทางกฎหมาย บางรายมีการลงทุนล่วงหน้าไปก่อน อาทิ สร้างโรงเรือน เตรียมพื้นที่ปลูก รวมถึง ดำเนินการปลูกนำร่องล่วงหน้า ถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด” ดร.โยธิน กล่าว
ดร.โยธิน กล่าวอีกว่า ล่าสุด พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่จะเสนอเข้าสภาถูกคว่ำไม่สามารถพิจารณาออกกฎหมายรองรับได้ชัดเจน ยิ่งส่งผลกระทบหนัก ถือว่ากัญชาที่ไม่ได้รับการขออนุญาต เพื่อผลิตทางการแพทย์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย รวมที่ปลูกตามครัวเรือนด้วย ถือเป็นความผิดพลาดของหน่วยงานที่ออกกฎหมาย รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ไม่มีความชัดเจน ไม่มีความรัดกุม ในการดำเนินการ ปล่อยให้ เกษตรกรดำเนินการเอง เป็นโครงการขายฝัน สุดท้ายไม่สามารถดำเนินการได้ ประชาชนต้องแบกภาระ
ดร.โยธิน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน เกษตรอุตสาหกรรม 61 บ้านหนองแซง ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะลงนามความร่วมมือชัดเจน และได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายนิรโทษกรรม ส่งผลผลิตให้มหาวิทยาลัยสงขลาศรีนครินทร์ วิจัยเพื่อการแพทย์ เริ่มการผลิตในรอบต้นปี 2565 ขออนุญาตผลผลิต 2 รอบการผลิตต่อปี ครั้งละประมาณ 3,200 ต้น เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ภายในโรงเรือนมาตรฐาน สามารถส่งผลผลิตขาย ทั้งใบ ราก ช่อดอก และลำต้น รวมมูลค่ารอบละ 3 -4 ล้านบาท มีสมาชิกประมาณ 30 ราย ส่วนราคาช่อดอกกิโลกรัมละประมาณ 15,000 บาท รากกิโลกรัมละประมาณ 20,000 บาท ใบกิโลกรัมละประมาณ 10,000 บาท และลำต้นประมาณกิโลกรัมละ 1,000 บาท ถือว่ามีราคาที่ชัดเจนตามกลไกของตลาด แต่หากมีการปล่อยให้มีการผลิตแบบผิดกฎหมาย จะส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาด ส่งขายยากแน่นอน
“ฝากถึงรัฐบาลจะต้องหาทางออก ช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ยังไม่สามารถขออนุญาตปลูกได้ และยังเป็นวิสาหกิจชุมชนเถื่อน รวมถึงชาวบ้านที่ปลูกตามครัวเรือน เพราะตนเชื่อว่าหากปล่อยไว้จะเป็นนโยบายขายฝัน เพราะสุดท้ายประชาชนไม่ได้ประโยชน์ และยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จะต้องไปศึกษาหาทางออกประกาศกฎกระทรวงมารองรับ และเน้นส่งเสริมการผลิตเพื่อการแพทย์เท่านั้น เพราะสำคัญที่สุดกัญชาจะต้อง ผ่านการขออนุญาตตามข้อตกลงจากสหประชาชาติ หรือยูเอ็นด้วย เพราะยังถือว่าเป็นยาเสพติด ยิ่งร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ถูกคว่ำตกจากการพิจารณาจากสภาฯ ทำให้ส่งผลกระทบหนัก สำหรับเกษตรกรที่มีการดำเนินการลงทุนล่วงหน้าไปก่อน ต้องแบกภาระต้นทุน และประสบปัญหาขาดทุนตามมา เพราะความไม่ชัดเจนของกฎหมาย กลายเป็นวิสาหกิจชุมชนเถื่อน” ดร.โยธิน กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี