พ่อแม่คาใจ! มือถือลูกหายในห้องเรียน ใช้แอปฯค้นหา 3 วัน โผล่ที่ ผอ.เอามาส่ง

พ่อแม่คาใจ! มือถือลูกหายในห้องเรียน ใช้แอปฯค้นหา 3 วัน โผล่ที่ ผอ.เอามาส่ง

วันอาทิตย์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2565, 13.03 น.

ผู้ปกครองนักเรียน  ม.2 โรงเรียนชื่อดังที่บุรีรัมย์ คาใจมือถือลูกหายในห้องเรียนโร่แจ้งความนึกว่าเพื่อนขโมย  แต่พอใช้แอพค้นหาตำแหน่งจนเจอพิกัดชัด  ผ่านไป 3 วัน ผอ.ถือมาส่งให้ตำรวจแต่อ้างไม่เจตนาเอาไป  ทั้งพยายามขอไกล่เกลี่ยให้ถอนแจ้งความ   แม่เผยรับไม่ได้ถ้าไม่เจตนาทำไมไม่บอกผู้ปกครองแต่แรก   ด้าน ผอ.รุดขอเคลียร์ถึงบ้านแต่ปัดไม่สะดวกให้ข้อมูลสื่อ

18 ก.ย.65 นายสมชาย และนางเดือน (นามสมมติ) พ่อและแม่ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์  ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่เมื่อวันพุธที่ 14 ก.ย.65 ที่ผ่านมา  โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว้ Y12 สีน้ำเงิน ราคาประมาณ 3,500 บาท ที่แม่ซื้อให้ลูกชายเพื่อใช้เรียนออนไลน์ ค้นหาข้อมูลในบางวิชาเรียน และไว้ติดต่อกับผู้ปกครองตอนเลิกเรียนได้หายไปขณะเสียบชาร์ตไว้ในห้องเรียน  จึงให้ลูกชายไปแจ้งความ และใช้แอ๊พพลิเคชั่นในการติดตามค้นหาตำแหน่งมือถือที่หายไป  พอเจอพิกัดก็แจ้งตำรวจให้ช่วยติดตามให้  กระทั่งผ่านไป 3 วัน  ผอ.โรงเรียนได้นำโทรศัพท์มือถือของลูกชายที่หายไป  มาส่งให้ตำรวจแต่กลับอ้างว่าไม่เจตนาจะเอาไป  แค่ยึดไว้เพราะไม่อนุญาตให้เด็กเอาโทรศัพท์มาโรงเรียน ทั้งบอกให้ลูกชายถอนแจ้งความเดี๋ยวจะเสียชื่อเสียงโรงเรียน   โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของลูกชายทั้งที่ลูกชายเป็นฝ่ายเสียหาย 


 

 

จากการสอบถาม ด.ช.เอ ก็เล่าให้ฟังว่า  ช่วงประมาณบ่าย 3 วันพุธที่ผ่านมา ตนได้เสียบชาร์ตโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนโต๊ะครูหน้าห้องเรียนแล้วใช้หนังสือปิดทับเอาไว้  จากนั้นก็ลงไปทำกิจกรรมลูกเสือกับเพื่อนคนอื่น  กระทั่งช่วง 4 โมงเย็นเสร็จก็กลับขึ้นมาบนห้อง  พบว่าทั้งมือถือและสายชาร์ตหายไป   ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนลักขโมยไป  จึงได้แจ้งครูประจำชั้นทราบ จากนั้นครูประจำชั้นจึงลองใช้มือถือของครูโทรเข้าเครื่องของตนเองหลายครั้ง  ก็โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย ครูจึงได้ประกาศหน้าเสาธงก่อนเลิกเรียน และขอตรวจกระเป๋านักเรียนทุกคนแต่ก็ไม่เจอ จากนั้นเช้าวันที่ 15 ก.ย. แม่ก็ให้ครูพาไปแจ้งความที่ สภ.หนองสองห้อง    

 


 แล้วตนเองก็พยายามใช้แอพพลิเคชั่นในการค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือที่หายไป  จนช่วงสายของวันที่ 15 ก.ย. ก็พบพิกัดแจ้งว่าโทรศัพท์อยู่บริเวณด้านหลังเสาธง  ตนกับครูอีกคนก็พยายามเดินหาเพราะคิดว่านักเรียนคนที่ขโมยไปอาจจะเอาไปซ่อนไว้  อีกทั้งได้เดินหาบนอาคารเรียนด้วยแต่ก็ไม่เจอ

 

 

กระทั่งเลิกเรียนก็กลับบ้าน  แล้วใช้แอพจับสัญญาณอีกรอบคราวนี้แจ้งพิกัดว่าอยู่หอพักแห่งหนึ่งแถว ต.สะแกโพรง ก็โทรไปบอก ตร.  แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นยามวิกาลไม่สามารถไปขอตรวจค้นได้  กระทั่งช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 16 ก.ย. ก็จับพิกัดได้ว่ามือถือกลับมาโผล่ใน ร.ร. อีก  จึงโทรบอกตำรวจอีกครั้ง   จากนั้นช่วง 11 โมง พ่อแม่และตนก็เดินทางไปโรงพัก  ตร.โทรไปหา ผอ.ว่ามีใครพบเห็นมือถือน้องหรือไม่  แต่ ผอ.ก็ตอบว่าไม่เห็น  แต่พอตำรวจแจ้งกลับไปว่ามีหลักฐานว่ามือถืออยู่ตรงไหน   ต่อมา ผอ.จึงได้นำโทรศัพท์มาส่งให้ตำรวจที่โรงพัก  แต่อ้างว่าไม่ได้เจตนาจะเอาไปแค่ยึดเอาไว้เพราะไม่ได้อนุญาตให้เด็กเอามือถือมาเรียนเท่านั้น   ซึ่งตนมองว่ามันย้อนแย้งเพราะถ้ายึดไปทำไมไม่เอาไว้ที่โรงเรียนหรือมอบให้ฝ่ายปกครอง  ก็อยากให้ ผอ.รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น  

 

 

ขณะที่นางเดือน ผู้เป็นแม่ บอกว่า ตอนแรกที่ลูกมาบอกว่ามือถือหายในห้องเรียนก็คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกันหยิบฉวยเอาไป  แต่พอมีหลักฐานว่าคนที่หยิบเอาไปเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียนที่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็ก แต่หาก ผอ.ไม่มีเจตนาจะหยิบฉวยเอาไปทำไมไม่แจ้งใครที่โรงเรียนหรือบอกผู้ปกครองก็ได้ว่าจะยึดเอาไว้ก่อน แต่นี้ปล่อยเงียบหายไปถึง 3 วันแล้วค่อยเอามาส่งให้ตำรวจแล้วอ้างว่าไม่มีเจตนา  ทั้งยังมาขอเคลียร์กับพ่อแม่ให้ถอนแจ้งความอีก ก็อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย 

 

 

อย่างไรก็ตาม​ ขณะนี้กำลังสอบถามข้อมูลกับทางครอบครัวน้อง  ผอ.คนที่ถูกกล่าวอ้างถึงก็ได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อมาขอเคลียร์กับพ่อแม่ เมื่อผู้สื่อข่าวขอสอบถามรายเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น  ผอ.แจ้งว่า​ ยังไม่สะดวกจะให้ข้อมูล.-008 
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top