"น้องโซดา" นักเรียน ม.1 ถูกไฟดูดจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างกลับเข้า รพ.แอดมิทอีกครั้ง หลังมีอาการจำเพื่อนในห้องเรียนไม่ได้บางคน แม่เผยเป็นห่วงลูกระยะยาว ไม่ได้เรียกร้องการเยียวยา ลูกประสบเหตุไม่ใช่ฟ้าผ่า แต่อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยที่เราไม่ต้องไปถามและแก้ไขอย่าให้เกิดอีก
วันที่ 20 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ด.ช.ชยุต เลยชัยภูมิ หรือ น้องโซดา อายุ 12 ขวบนักเรียนชายโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ชั้น ม.1/5 ที่ถูกไฟดูดขณะน้ำท่วมถนนศรีชมชื่น ด้านหลังโรงเรียนสตรีราชินูทิศ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.65 ที่ผ่านมา โดยน้องโซดาได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.อุดรธานี ออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย.65 แต่ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ก.ย.65 เวลา 15.30 น.เพื่อทำการรักษาและสังเกตอาการจากภาวะช็อคและได้รับผลกระทบจากการไฟฟ้าดูดและจมน้ำ เนื่องจากน้องโซดา มีอาการสับสนจำเพื่อนในห้องเรียนบางคนไม่ได้
นางกนกรัตน์ เลยชัยภูมิ อายุ 45 ปี แม่ของน้องโซดา เปิดเผยว่า หลังจากพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเมื่อเย็นวันอาทิตย์ จนมาถึงวันจันทร์ หมอก็รับน้องโซดา เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาเช็คระบบสมองใหม่ เพราะน้องมีอาการเบลอ หมอรับมาสแกนสมองครั้งหนึ่ง โดยจะสแกนซ้ำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.65) เบื้องต้นยังไม่พบอาการผิดปกติ ไม่พบเลือดคลั่งในสมอง ภาพรวมปกติดี
ส่วนความทรงจำที่ขาดหายไปที่ขาดระยะอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ต้องค่อยๆ ฟื้นฟู ส่วนเพื่อนในห้องเรียนที่เขาจำไม่ได้บางคน เพราะอาจจะเป็นเพราะเขาไม่สนิทก็ได้ ปกติตอนที่เขาถูกไฟดูด เขาก็เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ไม่หมกมุ่น แม่พยายามไม่ให้ดูโทรศัพท์มาก ส่วนกับแม่และพี่น้องก็คุยสนุกสนาน สาเหตุที่แม่ให้ไปเรียนเลยวันจันทร์ เพราะน้องอยากไปโรงเรียนเพราะน้องใกล้สอบแล้ว และแม่ก็โทรไปฝากคุณครูและเพื่อนๆ จนครูโทรมาบอกแม่ให้ไปรับเพราะดูอาการน้องเขาจำเพื่อนบางคนไม่ได้
"ตอนนี้ไม่มีหน่วยงานไหนออกมาว่าตัวเองบกพร่อง เหตุที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ฟ้าผ่า อยากจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจากนี้ไปต้องแก้ไขจุดอื่นๆ อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกได้ไหม ทุกคนไม่ต้องการคำขอโทษ ไม่ต้องการเงินเยียวยา ถ้าเลือกได้กลับไปไม่อยากให้เกิดจะดีกว่า นี่คือความรู้สึกจริงๆ ของแม่ ไม่ใช่ว่าวันนี้จะให้เกิดจะให้คนที่ประสบออกมาเรียกร้อง แล้วจะออกมารับผิดชอบ เมื่อมันเกิดแล้วทำยังไงไม่ให้เกิดกับคนอื่นอีก คนอื่นจะโชคดีแบบนี้ไหม หน่วยงานที่รับผิดชอบน่าจะคิดได้ ไม่ใช่รอให้ใครไปฟ้องหรอก ฝนจะตกอีกแน่นอนรีบเช็ครีบซ่อมจุดอื่นไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มันเป็นสิ่งที่รุนแรง ถ้าไม่มีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบจริงๆ ก็มีหน่วยงานด้านกฎหมาย เขาก็มาหาคุณแม่แจ้งสิทธิบอกว่าคุณแม่เรียกสิทธิได้ตามกฎหมาย ตอนนี้คุณแม่ไม่คิดอะไรมากกว่าขอให้ลูกแข็งแรง ลูกปกติจะดีกว่า เรื่องอื่นๆ เขาไว้ทีหลัง
ส่วนจะฟ้องหรือไม่จะปรึกษากับญาติพี่น้อง และคนที่เขาประสบเหตุไปด้วยกันและคณะกฎหมายว่าเราเรียกร้องได้แค่ไหน และที่เราเรียกร้องจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่ต้องการแค่เงิน แต่อยากจะให้เขารับผิดชอบในส่วนไหนบ้าง ศาลไม่จ่ายแค่เงินให้เราได้ไหม ศาลสั่งให้เขาทำประโยชน์ให้เกิดกับคนอื่นด้วยได้ไหม ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ตอนนี้หัวอกคนเป็นแม่ห่วงอาการลูกระยะยาวว่าจะกลับมาเป็นปกติไหม" นางกนกรัตน์ กล่าว - 003