ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ (สอศ.) มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน จัดกิจกรรมอบรมพัฒนาหนุนเสริมศักยภาพครูแกนนำ ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักศึกษาอาชีวศึกษา ป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) ในสถานศึกษา
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อต้องการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติและพัฒนากลไกที่เป็นจริง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อพฤติกรรมที่เป็นปัญหาในนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ขณะนี้โครงการได้สนับสนุนงบประมาณให้กับวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 25 แห่ง ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงในสถานศึกษาเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้เกิดบทเรียนและพัฒนาวิทยาลัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดบทเรียนร่วมกัน
ดร.นิติ นาชิต ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ (สอศ.) กล่าวว่า สถานศึกษาเป็นสถานที่ที่จะผลิตกำลังคนสำคัญของประเทศดังนั้นกิจกรรมต่างๆ ต้องเริ่มต้นจากสถานศึกษา ที่ต้องลงสู่การพัฒนาครูแกนนำว่ามีแนวทางในการพัฒนาลูกศิษย์อย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การทำกิจกรรมของเด็ก เด็กๆ ก็จะมีภูมิคุ้มกันที่จะไปป้องกันตัวเขาเอง รวมถึงขยายผลไปสู่เพื่อนๆ ทำให้นำไปสู่การลดปัจจัยเสี่ยง
ดร.นิติ กล่าวต่อว่า สำหรับการรณรงค์ ลดปัจจัยเสี่ยงในสถานศึกษานั้น ปัจจุบันมีกิจกรรมที่ป้องกันยาเสพติดอยู่แล้ว ซึ่งเราเอามาเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ สสส. ทำโครงการในส่วนนี้ เพื่อทำให้เด็กมีกิจกรรม และได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้เขามีความเข้มแข็ง และมีภูมิคุ้มกัน โดยตอนนี้มีสถานศึกษาทั้งหมด 25 แห่งที่เข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งทั้ง 25 แห่ง อยู่ในโครงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) ซึ่งเป็นนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้สถานศึกษาพัฒนาผู้เรียน ซึ่งนอกจากในด้านความสามารถแล้ว ก็อยากให้เป็นคนดีด้วย ซึ่งกิจกรรมช่วยป้องกันเหล้า บุหรี่ ก็จะช่วยเสริมสร้างให้เขาเป็นคนดีด้วยเช่นกัน
ดร.นิติ นาชิต
“ต้องยอมรับว่าเด็กอาชีวะ เป็นเด็กวัยรุ่น ถ้าหากิจกรรมที่น่าสนใจ และเข้าถึงเขาได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ฉะนั้นกิจกรรมที่ร่วมมือกับ สสส. ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กมีความสนใจ และสอดคล้องกับช่วงวัยของเขา ฉะนั้นกิจกรรมต่างๆ เขาให้ความสนใจ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”ดร.นิติ กล่าว
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. ได้สนับสนุนโครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักศึกษาอาชีวศึกษาป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) ในสถานศึกษามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายแนวร่วมในการทำงานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนให้รู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ ที่เป็นต้นเหตุต่อเนื่องไปยังปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ยาเสพติดรวมถึงปัจจัยเสี่ยงด้านการพนัน ทั้งการสร้างความรู้ความเข้าใจ การช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ตลอดจนการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมให้ปลอดจากปัจจัยเสี่ยง โดยมีครู นักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกแผนกวิชาเข้าร่วมฝึกฝนทักษะ จนเกิดเป็นแกนนำครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการช่วยป้องกันปัจจัยเสี่ยง ส่งผลหลายด้าน ต่อนักเรียน นักศึกษา เช่นผลการเรียนดีขึ้น ลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ การเสียชีวิต จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ทั้งนี้ จากรายงานการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากรไทยปี 2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าอัตราการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปีอยู่ที่ร้อยละ 12.7 ซึ่งลดลงจากปี 2560 (ร้อยละ 15.4) สอดคล้องกับอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนก็ลดลงเช่นกัน แต่จากสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้า พบ 78,742 คนสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีสัดส่วนเป็นเยาวชน 15-24 ปีมากที่สุด (ร้อยละ 30.5%) ซึ่งกลุ่มเยาวชนควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประกอบการตัดสินใจ
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ
ส่วนสถานการณ์พนัน ประจำปี 2562 โดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่าร้อยละ 98.9 เกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนรอบข้างเล่นการพนัน โดยมีเยาวชนที่อายุ 15-25 ปี เล่นการพนันจำนวน 4.3 ล้านคนและมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นปัญหาอยู่ 6 แสนคน จึงควรมีการสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนให้รู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง
“ครูแกนนำ มีความสำคัญอย่างมากคือเด็กทุกคนเขาอยากรู้อยากลอง แต่เราจะทำอย่างไร ที่จะกล้าเดินเข้าไปหาเด็กเพื่อให้เขาเปิดใจ ต้องกล้าบอก กล้าเตือน ดึงเขาออกมาให้ได้ เราต้องทำให้เขารักตัวเอง แล้วเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง” อ.นิอร น้ำใจดี วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี สะท้อนความรู้สึกผ่านเวทีอบรมเป็นครูแกนนำในโครงการฯ
อ.นิอรกล่าวว่า จากการเข้าอบรมพัฒนาศักยภาพครูแกนนำ ทำให้ปัจจุบันสามารถขยายผลเข้าสู่วิทยาลัย โดยแกนนำ 4 คน จะประชาสัมพันธ์โครงการหน้าเสาธงโดยหาอาสาสมัครห้องละ 4 คน เป็นการอบรมโครงการ TCC เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัจจัยเสี่ยง โดยป้องกันปัจจัยเสี่ยงหลักคือ เหล้า และ บุหรี่ ในสถานศึกษา ซึ่งจากแกนนำ 4 คน ได้ขยายผลไปสู่แกนนำอีก 50 คน โดยเป็นตัวแทนจิตอาสาห้องละ1 คน รวมกับครูที่ปรึกษา ทำให้ตอนนี้มีแกนนำหลักเป็นนักศึกษา 50 คน ครูอีก 50 ท่าน
อ.นิอร กล่าวอีกว่า ที่ทำในส่วนนี้ไม่ได้มั่นใจว่าจะทำให้สถานศึกษาปลอด เหล้า บุหรี่ 100% ถามว่าห้ามได้ไหม ก็ห้ามไม่ได้ ฉะนั้น สิ่งที่ทำได้ในระดับแรกคือการสร้างกระแสปลูกจิตสำนึกของเด็ก ให้เขารู้ว่าสิ่งไหนผิด และกล้าปฏิเสธ ซึ่งเราให้แกนนำหลัก 4 คนเล่าจากเพื่อนสู่เพื่อน นำสิ่งดีๆ ไปบอกต่อ กล้าที่จะบอกคุณครู เตือนเพื่อน และกล้าที่จะดึงคนเดินทางเสี่ยงให้กลับมาทางที่ถูก ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้แกนนำ เมื่อมีแกนนำนักศึกษาเหล่านี้ก็จะไปเตือนเพื่อนถึงสิ่งที่ไม่ดี อีกอย่างที่เราทำคือการสร้างจิตสำนึกปลุกกระแส ด้วยการประกวดทำคลิปติ๊กต็อก อย่างน้อย 1 ห้อง 1 คลิป ให้สมาชิกในห้องช่วยทำคลิป คิดวิเคราะห์ และรณรงค์ หวังว่าการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ จะช่วยขยายผลให้ไปสู่วงกว้างได้
อ.โชติพงศ์ สังข์น้อย
อ.นพรัตน์ เบ้าหล่อ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ กล่าวว่า โครงการของวิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ คือ โครงการลด ละ เลิกบุหรี่ในสถานศึกษา ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักศึกษาอาชีวศึกษาป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในสถานศึกษา โดยกิจกรรมหลักๆ ทำเกี่ยวกับสื่อ คลิปวีดีโอ หนังสั้น ลงในติ๊กต็อก รวมทั้ง เฟซบุ๊ค ยูทูบ วัตถุประสงค์ของโครงการคือให้นักศึกษาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ให้ลด ละ เลิกอบายมุข ตอนแรกตั้งเป้าให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการ 100 คน แต่เมื่อมาพิจารณาดูแล้วอยากให้เด็กได้รับโอกาสและความเสมอภาค จึงให้เด็กทั้งแผนกเข้าร่วมเพื่อให้เด็กรู้โทษ เหล้า บุหรี่
“สิ่งที่เราเริ่มทำโครงการคือ อบรมเรื่องการทำสื่อวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนสคริปต์ การตัดต่อวีดีโอ และให้เด็กอัปคลิปผ่านช่องยูทูบของ กสศ. (EEF Tomorrow) โดยทำควบคู่กับการอบรมให้ความรู้ โดยให้หมอจากโรงพยาบาลอำนาจเจริญมาให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่ ก่อนให้เด็กจับกลุ่มระดมสมองว่าได้ความรู้อะไรบ้าง และให้เขานำเสนอ พร้อมกับมีเงินรางวัลเป็นกำลังใจให้กับเขา ทั้งนี้อยากให้ สสส.มีโครงการดีๆ แบบนี้ให้เด็กห่างไกลจากยาเสพติด ทั้งเหล้า และ บุหรี่ เพื่อหวังให้เด็กเป็นพลเมืองที่ดีในสังคมต่อไป” อ.นพรัตน์ ระบุ
อ.โชติพงศ์ สังข์น้อย วิทยาลัยเทคนิคถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า สิ่งแรกเคยเป็นนักเรียน ปวช.,ปวส. ทำให้รู้บริบทของนักศึกษาดีว่ากลุ่มเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญของ
พวกเขา ซึ่งส่วนตัวเคยลองมาทั้ง บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้รู้ว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ยิ่งสูบยิ่งดูดยิ่งทำให้เลิกยาก เมื่อมาเป็นครู จึงได้เข้าร่วมอบรมพัฒนาหนุนเสริมศักยภาพครูแกนนำ ร่วมกับทาง สสส. และทางมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน โดยนำนักเรียนแกนนำ 4 คน เข้าร่วมกิจกรรมพร้อมกันนี้ได้เสนอโครงการ TLTC สร้างคนรุ่นใหม่ห่างไกลสิ่งเสพติด บุหรี่ เหล้า ในสถานศึกษา จุดเริ่มต้นเรามีแกนนำแค่4 คนที่เข้าร่วมโครงการ ก่อนเริ่มขยายผลไปสู่นักเรียนคนอื่นๆ ภายในวิทยาลัย
อ.นพรัตน์ เบ้าหล่อ
“วัตถุประสงค์ของเราคือให้นักเรียนมีความรู้ และลด ละ เลิก บุหรี่ สุรา โดยเราจะสร้างนักเรียนแกนนำทุกแผนก ให้ขยายผลไปสู่แผนกของตนเอง ซึ่งมีเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ถึงวิธีแก้ปัญหาเหล้า บุหรี่ ภายในวิทยาลัยอย่างไร เพื่อให้เพื่อนในโรงเรียนลด ละ เลิก ให้ได้ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเราคือสร้างแกนนำภายในแผนกให้มากขึ้น เพื่อนช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้นักเรียนสูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุราในวิทยาลัย รวมทั้งการทำสื่อ ทำคลิปให้นักเรียนรู้ถึงโทษของสิ่งเสพติด” อ.โชติพงศ์กล่าว
ขณะที่ อ.อนุวัต ราชสมบัติ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย กล่าวว่า เนื่องจากเป็นครูกิจกรรมนักเรียน-นักศึกษา ทำให้มีโอกาสทำกิจกรรมกับนักเรียน นักศึกษาเป็นประจำ ทำให้รู้และเข้าใจว่านักเรียนอาชีวะเป็นอย่างไร โดยวิทยาลัยของเรามีนักเรียนประมาณ 3,200 คน และหลังจากได้เข้าร่วมอบรมครูแกนนำ ได้นำความรู้มาสานต่อในวิทยาลัย โดยเริ่มจากประกาศเจตนารมณ์ให้ครู นักเรียน นักศึกษาในวิทยาลัยทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมในวันงดสูบบุหรี่โลก พร้อมกับออกแบบป้ายรณรงค์ถึงโทษและพิษภัยของสิ่งเสพติดโดยให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วม พร้อมจัดทำโมเดลรณรงค์ รวมถึงการจัดการแข่งขันฟุตซอล ซึ่งหวังให้นักเรียนตระหนักถึงโทษของยาเสพติด
ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดที่จัดขึ้นมาต้องขอขอบคุณ สสส. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ที่สนับสนุนงบประมาณที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
อ.นิอร น้ำใจดี
อ.อนุวัต ราชสมบัติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี