เปิดโลกของ‘กว่าง’ นักสู้แห่งขุนเขาสู่การละเล่น-วิถีชาวเหนือ
ที่สนามข้างสถานีขนส่งรถโดยสารเทศบาลอำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 นายวิบูลย์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิด “งานเทศกาลโลกของกว่าง นักสู้แห่งขุนเขา ประจำปี 2565” โดยมีนายสมเกียรติ อาจสังข์ นายอำเภอปัว กล่าวรายงาน ซึ่งงานดังกล่าวชาวชุมชนในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชนต่างๆในอำเภอปัว ได้จัดขบวนแห่ เพื่อแสดงออกถึงวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของท้องถิ่น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อ.ปัว และ จ.น่าน อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
ทั้งนี้ อ.ปัว ได้ร่วมกับชมรมพ่อค้า สภาวัฒนธรรม และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้า (OTOP) อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จัดนิทรรศการภายในบริเวณงาน และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงองค์การพัฒนาพื้นที่สูงได้นำผลิตภัณฑ์พืชเมืองหนาวมาวางจำหน่ายในราคาถูกให้กับนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวในบริเวณงานที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 2565
งานเทศกาลโลกของกว่าง “นักสู้แห่งขุนเขา” ประจำปี 2565 ภายในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจหลากหลายอย่าง อาทิ จัดให้มีการประกวด การละเล่นพื้นบ้าน และวิถีชีวิตของชนเผ่า การประลองชนกว่าง การประกวดกว่างสวยงาม การประกวดธิดากว่าง การแสดงนิทรรศการโลกของกว่าง และวงจรชีวิตของกว่าง การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน นำสินค้าออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ และผลิตภัณฑ์ของชุมชน ผ้าทอมือพื้นเมือง นำมาจำหน่ายในงานด้วย หลังเสร็จสิ้นงาน จะมีการปล่อยกว่าง กลับคืนสู่ป่า เพื่อเป็นการให้กว่างได้ขยายพันธุ์ต่อไป
สำหรับ “กว่าง” เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง บางท้องถิ่นเรียกว่า “แมงคาม” เนื่องจากธรรมชาติมันชอบคามกัน โดย “คาม” เป็นการต่อสู้ของกว่าง จะเอาเขาประสานกัน คีบ และดันกันไปมา หรืออาจเนื่องมาจากมักพบแมลงชนิดนี้อาศัยหากินอยู่ตาม “ต้นคาม” มีขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือ หรือโตกว่านั้นเล็กน้อย มีขา 6 ขา มีเขาสองเขา ใช้เป็นอาวุธต่อสู้กันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ และหลีกทางไป ซึ่งบางครั้งตัวที่มีขนาดเท่าๆ กัน ใช้เวลาในการต่อสู้กันนานหลายชั่วโมง จึงได้รับฉายาว่า “นักสู้แห่งขุนเขา”
“กว่าง” มีวงจรชีวิตประมาณ 1 ปี เริ่มจากไข่ ฟักตัวเป็นตัวอ่อนอยู่ในดิน ตามโพรงไม้ ตอไม้ผุๆหรือกองขี้เลื่อย เรียกว่า “แมงกั่นตู่” จากนั้นจะเป็นดักแด้ แล้วลอกคราบเป็นแมลงกว่าง ออกจากดินบินออกมาหาคู่ผสมพันธุ์ วางไข่ในราวเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน แล้วตายไป
“กว่างตัวผู้” จะมีเขาสองเขา 5 เขา โดยใช้เขาล่างงัดและหนีบศัตรูเพื่อแย่งตัวเมียในการผสมพันธุ์ มีหลายขนาดตัวเล็กเขาสั้นเรียกว่า “กว่างกิ” ตัวปานกลางเขายาวปานกลางเรียกว่า “กว่างแซม” ตัวใหญ่เขายาวเรียกว่า “กว่างโซ้ง” ขณะที่ “กว่างตัวเมีย” ไม่มีเขาเรียกว่า “อีโม๊ะ” หรือ “อีหลุ้ม”
ส่วนอาหารของกว่างตามธรรมชาติ ได้แก่ เปลือกไม้ ยางไม้ที่มีรสหวาน เช่น ต้นคาม ต้นมะค่า เถารกฟ้า ส่วนอาหารที่คนนิยมนำมาเลี้ยงกว่าง เช่น อ้อย กล้วย แตงไทย และเถาวัลย์ เป็นต้น โดยแต่ละวันจัดให้มีการประลองกว่างที่ชาวภาคเหนือได้ถือเป็นการละเล่น เพื่อผ่อนคลาย รอเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นประเพณีอันเก่าแก่ของคนภาคเหนือ อีกทั้งเพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา และดำรงรักษาให้คงอยู่ ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อ.ปัว และ จ.น่าน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี