ปลายสมัยรัฐสภาปัจจุบัน คณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร หยิบยกเรื่องการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงการมีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยขึ้นมาศึกษา
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เพียงการตั้งชื่ออนุกรรมาธิการก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งเพื่อสนับสนุนให้เปิดบ่อนอย่างถูกกฎหมาย ยิ่งกว่านั้นยังได้นำเสนอผลการศึกษา “กาสิโน” แบบถูกกฎหมาย ซึ่งในรายละเอียดมีการระบุว่าประชาชนกว่า 36.38% เห็นด้วยกับการมี “กาสิโน” แบบถูกกฎหมาย และเห็นด้วยกับการที่ภายใน กาสิโนถูกกฎหมาย ควรมีสถานบันเทิงแบบครบวงจรกว่า 80.67%
อีกครั้งกับความพยายามทำอบายมุขให้ถูกกฎหมาย
1) ตั้งแต่อดีต มักอ้างกันว่า หากเปิดบ่อนการพนันแล้ว จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอ้างว่า ธุรกิจการพนันมีเงินหมุนเวียนสูงนับแสนล้านบาท แต่ในความเป็นจริงแล้ว เงินหมุนเวียนในการพนันนั้นไม่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจเท่าใดนัก
คนละเรื่องกับเงินหมุนเวียนที่เกิดจากการซื้อสินค้าและบริการในตลาดค้าขายทั่วไป เพราะการเล่นพนันในบ่อน เงินได้เสียระหว่างคนเล่นกับเจ้ามือ เป็นเพียงการโอนเงินจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง โดยเงินของคนเล่นเสียก็ตกไปเป็นของคนที่เล่นได้ จำนวนเงินรวมทั้งหมด จึงเท่าเดิม
มิได้ผลิตสินค้าหรือบริการใดเพิ่มขึ้น จึงไม่เพิ่มรายได้ของระบบเศรษฐกิจส่วนรวม หรือไม่เพิ่มรายได้ประชาชาติ ไม่เหมือนกับการซื้อสินค้า ที่จะทำให้เกิดการผลิตสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตวัตถุดิบและแรงงาน ซึ่งเกิดการหมุนเวียนของรายได้และการผลิตอื่นๆ ตามมา
การพนันจึงไม่เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจ แก่สังคมส่วนรวมมากอย่างที่เข้าใจ
หากภาครัฐจะได้ รายได้บ้าง ก็คงจะเป็นภาษีที่เก็บได้จากเจ้ามือที่ไปเอาเงินของผู้เล่นมาอีกต่อหนึ่ง หรือถ้ารัฐเป็นเจ้ามือเองก็คงเพียงแต่กินเงินชาวบ้านมาเข้ากระเป๋าตนเท่านั้นเอง
ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับต้นทุนทางสังคม ผลกระทบและความเสียหายที่มีต่อทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งต้องเสียเวลา เสียโอกาสการทำมาหากิน เสียโอกาสการสร้างสรรค์ผลิตผลที่มีคุณค่ามากกว่านี้
ยังไม่นับถึงปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม และการทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น การฆ่าตัวตาย การจี้ ปล้น ลักทรัพย์ การยักยอกเงินบริษัท การเบี้ยวหนี้ธุรกิจ การทุบตีภรรยา การแย่งชิงมรดก การละทิ้งลูกเมียพ่อแม่ ฯลฯ
ตลอดจนค่านิยมในสังคมที่จะผิดเพี้ยนมากขึ้นไปอีก
2) สังคมไทยในปัจจุบันมีความเหลื่อมล้ำอยู่มาก ผู้ด้อยโอกาสไม่ว่าจะประกอบอาชีพด้วยความขยันขันแข็งอย่างไร โอกาสที่จะเปลี่ยนสถานะและประสบความสำเร็จเป็นเรื่องยากลำบาก
การเล่นการพนัน หวังเสี่ยงโชคเผื่อฟลุกปลอบประโลมใจว่าจะมีบางสิ่งดลบันดาลให้สามารถร่ำรวยได้ในพริบตา สิ่งนี้จึงมีส่วนที่ทำให้คนไทยชอบเล่นการพนัน จึงมีคนจำนวนหนึ่งอ้างว่าสันดานคนไทยก็เป็นเช่นนี้ คือชอบเล่นการพนัน เมื่อเลิกไม่ได้ก็ให้เล่นถูกกฎหมายเสียเลย
ในความเป็นจริงแล้วการพนันทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือบ่อนการพนันยิ่งสร้างความแตกต่างเหลื่อมล้ำของคนในชาติให้มากขึ้นไปอีก
3) อ้างกันอีกว่า มีบ่อนชายแดนไทย ทำให้เงินไหลออกไปเล่นบ่อนชายแดน เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า เจ้าของบ่อนชายแดนส่วนใหญ่นั้นก็เป็นคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้านักพนันไทยเล่นได้เงิน ก็นำเงินกลับเข้าประเทศ ถ้าเจ้าของบ่อนได้ก็นำรายได้กลับเข้าประเทศ
แต่อันที่จริง หากไม่ต้องการให้คนออกไปเล่นการพนันที่บ่อนชายแดน ก็ยังมีหลากหลายวิธีที่ป้องกันและปราบปรามอย่างได้ผล เช่น การเข้มงวดเอาจริงกับการตรวจตราวิธีผ่านด่านชายแดน การควบคุมการนำเงินเข้า-ออก รวมถึงกลวิธีดัดนิสัยนักพนันตามที่ชอบไปเล่นตามชายแดนได้อีกมาก
4) อ้างกันว่า เมื่อมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายแล้วก็จะได้แก้ปัญหาบ่อนเถื่อน บ่อนกลางกรุงบ่อนวิ่ง บ่อนลอยฟ้า ฯลฯ ข้อนี้ ก็เป็นข้ออ้างเลื่อนลอยอย่างยิ่ง
ไม่มีหลักประกันใดเลยว่า เมื่อมีบ่อนถูกกฎหมายแล้วจะไม่มีบ่อนเถื่อน
ที่ผ่านมา เมื่อมีสลากกินแบ่งรัฐบาล หวยรัฐบาล ก็ยังปรากฏว่า มีหวยเถื่อนแพร่ระบาด
ปัญหาอยู่ที่ตำรวจและผู้มีอำนาจรัฐ จะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามบังคับใช้กฎหมายหรือไม่
ถ้าเอาจริง เชื่อแน่ว่าจะปราบสิ่งผิดกฎหมายได้หรืออย่างน้อยที่สุด ก็จะต้องลดน้อยลงกว่านี้มาก (ไม่ว่าจะหวยใต้ดิน บ่อนเถื่อน หรือการออกไปเล่นพนันตามบ่อนชายแดน)
5) มีข้ออ้างว่า หากมีบ่อนถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นแข่งขันกับบ่อนที่มีอยู่เดิม คงจะแย่งลูกค้ามาเข้าบ่อนใหม่ที่ถูกกฎหมาย รัฐจะได้เงินภาษีเพื่อนำมาใช้ในการกวดขันปราบปรามการเล่นการพนัน ตลอดจนรณรงค์ให้คนหยุดเล่นการพนัน
น่าสนใจว่า หากงบประมาณเพื่อใช้ในการกวดขันปราบปรามและรณรงค์ดังกล่าวมีประโยชน์ เหตุใดไม่นำเงินงบประมาณทั่วไปมาใช้
การเพิ่มจำนวนบ่อนที่ถูกกฎหมายจะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดหรือไม่ ว่ารัฐก็ส่งเสริมการพนันและอยากได้เงินจากการพนัน ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของบ่อนการพนัน ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ ที่ต่างก็อยากได้เงินจากการพนัน การพนันจึงกลายเป็นสินค้าที่ผู้มีอำนาจปรารถนา และอยากได้เงิน
กรณีนี้จึงต่างกับกรณีเก็บภาษีบาปจากเหล้าและบุหรี่มาใช้เพื่อรณรงค์ให้หยุดเหล้าหยุดบุหรี่ เพราะเหล้าและบุหรี่เป็นกิจการที่มีอยู่แล้วโดยรัฐเป็นเจ้าของ สัมปทานโรงเหล้า โรงเบียร์ และเป็นผู้ผลิตบุหรี่เสียเอง
6) บ่อนการพนันถูกกฎหมายยังจะเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นรากฐานขององค์กรอาชญากรรม และการทุจริตทางการเมือง เป็นช่องทางผ่องถ่ายผลประโยชน์จากการคอร์รัปชั่น และธุรกิจอิทธิพลนอกกฎหมาย
คงจำได้ อดีตนักการเมือง รมต.รักเกียรติ สุขธนะ เคยอ้างต่อศาลในคดีทุจริตว่า ตนเองได้เงินมาจากการเล่นการพนัน มิใช่การโกง แต่ยังดีที่กรณีนั้น ป.ป.ช. มีหลักฐานอื่นมาโต้แย้ง ทำให้ต้องจำนนด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง
หากเปิดบ่อนการพนันได้จริง บ่อนการพนันในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นเครื่องมือฟอกเงินหรือปิดบังอำพรางการทุจริตประพฤติมิชอบของพวกตนได้ง่ายขึ้นหรือไม่
7) หากเข้าใจว่าประเทศไทยไม่เคยมีบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมาย ย่อมเป็นความเข้าใจผิดมหันต์
ในความเป็นจริง เราเคยมีบ่อนถูกกฎหมายในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบ่อนจะได้รับชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “ขุนพัฒนสมบัติ” สมัยนั้นทางการสามารถเก็บอากรบ่อนเบี้ยได้ปีละ 260,000 บาท
ถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ยังได้กำหนดภาษีการพนันเพิ่มขึ้นจากอากรบ่อนเบี้ย และสามารถเก็บภาษีได้ปีละ 500,000 บาท กระทั่งในปี พ.ศ. 2413 เฉพาะในแขวงกรุงเทพฯ ก็ยังมีบ่อนใหญ่ประจำอยู่ 126 ตำบล และยังมีบ่อนเบี้ยขนาดเล็กอีกประมาณ 277 ตำบล
แต่ในที่สุด ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯให้เลิกบ่อนการพนัน ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าการมีราษฎรมัวเมาในการพนันย่อมเป็นเหตุนำไปสู่ความวิบัติ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวมในความมั่นคงของประเทศชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการปรับปรุงงานพระคลัง เพื่อหารายได้อื่นมาทดแทนรายได้จากอากรบ่อนเบี้ย โดยมีประกาศเริ่มลดจำนวนบ่อนลงเรื่อยๆ จนเหลือบ่อนอยู่เพียง 9 ตำบล ใน พ.ศ. 2453 แต่กว่าจะเลิกบ่อนการพนันในประเทศไทยได้ ก็แสนยากลำบาก กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้มีประกาศปิดบ่อนทั่วราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2460
อยากแนะนำให้ผู้ที่ต้องการนำการพนันให้ถูกกฎหมาย เพื่อหวังจะเป็นรายได้ให้สังคมและรัฐบาล ลองถามตัวเองง่ายๆ ว่า
“ถ้าภรรยาหรือสามีของเรา ตกเป็นทาสของการพนัน ครอบครัวของเราจะเป็นอย่างไร
ถ้าลูกสาว ลูกชายของเรา ตกเป็นทาสของการพนัน เราจะพอใจ สุขสบายใจได้ไหม…”
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี