เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในอำเภอโพธาราม ร้องสื่อพึ่งใครไม่ได้ โรงงานแอบปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำแม่กลอง ทำปลาทับทิม ปลาคราฟในกระชังลอยตายเป็นแพ จำนวน 25 กระชัง สูญเงินกว่า 1.2 ล้าน ขาดทุนย่อยยับ โทรหาประมงได้แต่บอกให้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้!!
23 มกราคม 2566 เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังในแม่น้ำแม่กลอง ประสบปัญหาปลาตายยกกระชัง เป็นจำนวน 25 กระชังที่เลี้ยงเอาไว้ ขาดทุนย่อยยับ ไม่สามารถจับปลาขายให้กับลูกค้าที่นัดเอาไว้ เกิดความเสียหายอย่างหนัก และสูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท
โดยเกษตรกรระบุเหตุผลปลาตายมาจากน้ำเน่าเสีย คาดเกิดจากโรงงานที่อยู่ทางต้นน้ำแอบลักรอบปล่อยน้ำเน่าเสียลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ทำให้น้ำเน่าเสียขาดออกซิเจน ปลาที่เลี้ยงจึงทยอยตายยกกระชัง จากนั้นได้โทรไปยังหน่วยงานประมง ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆให้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้
ภายหลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาซึ่งเป็นปลาทับทิม กำลังช่วยกันขนย้ายปลาที่ตายออกจากกระชังในบริเวณแม่น้ำแม่กลอง อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และต้องรีบนำขึ้นมาเพื่อชำแหละและขายราคาถูก เพื่อให้ได้เงินคืนมากลับมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ตายยกกระชัง
จากการสอบถามนางสาวลัดดา สุขแก้ว อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.4 ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เจ้าของกระชังปลาที่ประสบปัญหาเปิดเผยว่า ตนเองเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังใหญ่จำนวน 30 กระชัง มาเป็นเวลา 8 ปี โดยปกติเวลาที่โรงงานปล่อยน้ำเสียลงมา หรือ มีน้ำเสียไหลลงมาจากทางต้นน้ำที่ อ.บ้านโป่ง ปลาไม่ตายยกกระชังขนาดนี้
โชคดีเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันจ่ายก่อนเทศกาลตรุษจีน ตนได้จับขายให้กับลูกค้าเจ้าประจำไปจำนวน 5 กระชัง กระชังละ 48,000 - 50,000 บาท เป็นเงินจำนวน 480,000 บาท ทำให้ปลาเหลืออีกจำนวน 25 กระชัง และ ในเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา จะต้องจับให้ลูกค้าอีก 10 กระชัง กระชังละ 50,000 บาท เป็นเงินที่จะต้องได้รวม 500,000 บาท ส่วนที่เหลือ จะจับอีกในรอบสัปดาห์ต่อๆไป อีก 15 กระชัง เป็นเงิน 750,000 บาท ทั้งนี้ยังมีปลาคราฟจำนวน 20 ตัว ตัวละ 3-5 กิโลกลัม จำน่ายตัวละ 1,500 บาท เป็นเงิน 30,000 บาท ปลาตะเพียนทองอีกกว่า 100 กิโลกรัม และปลาดุกอีก 2 กระชัง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท ตอนนี้ตายยกกระชังไปแล้วทั้งหมด
นางสาวลัดดา กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ปลาตายยกระชังในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะมาจากน้ำเสียที่ปล่อยจากโรงงานในอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งอยู่ทางต้นน้ำ เนื่องช่วงเวลา ประมาณ 17.00 น. เกิดมีคราบสีดำลอยมาเป็นสายน้ำเหนือกระชัง และมีกลุ่มเพื่อนเกษตรกรได้ส่งข่าวมาบอกว่ามีน้ำเสียไหลมาในแม่น้ำแม่กลองเป็นสีดำไหลมาเป็นทาง ตนจึงเฝ้าดูน้ำมาตลอด เพราะวันนี้ถึงรอบที่นัดลูกค้าเพื่อมาจับปลาจำนวน 10 กระชัง แต่ปรากฏว่าผ่านไป 30 นาที ปลาในกระชังเริ่มทยอยลอยตัวหาออกซิเจน
จนกระทั้งเวลา 18.30 น. ปลาเริ่มส่งสัญญาณตาย เพราะเห็นปลาในกระชังต่างๆ ได้กระโดดตัวขึ้นเหลือน้ำ และทยอยกันตาย ซึ่งตนได้ใช้เครื่องสูบน้ำเพื่อทำออกซิเจนในน้ำให้ปลา หวังว่าปลาจะรอดแต่ก็ไม่เป็นผล ปลาเล็กปลาน้อยต่างลอยขึ้นมาตายและตัวเปลี่ยนสีเป็นสีขาวลอยตายแน่นกระชัง ก่อนจะจมลงสู่ก้นกระชัง
นางสาวพิกุลทอง มั่นมุ่งยนต์ อายุ 42 ปี เป็นน้องสาวและผู้ดูแลกระชังปลา กล่าวว่า พอตื่นทราบจากพี่สาวว่าปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้ได้เริ่มทยอยกันลอยหัว ตนจึงพากันลงมาสำรวจ และยกกระชังดู พบว่าปลาตายทั้งหมด บางตัวกำลังทยอยตาย และคาดว่าช่วงสายของวันนี้ปลาจะลอยแพขึ้นอืดลอยขึ้นมาจากก้นกระชังและส่งกลิ่นเหม็นอย่างแน่นอน ตนและพี่สาวจึงอยากให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ช่วยมาตรวจสอบ โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่ลักรอบปล่อยน้ำเสียลงมา และพวกที่บรรทุกน้ำกากซามาปล่อยทิ้งลงแม่น้ำแม่กลอง ได้เห็นใจเกษตรกรด้วย ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่นำมาลงทุน
สำหรับแม่น้ำแม่กลองสายนี้เป็นสายหลัง ซึ่งต้นน้ำไหลหมาจาก จ.กาญจนบุรี ผ่าน เขื่อนแม่กลองที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผ่านเข้าสู่ อ.บ้านโป่ง ซึ่งมีโรงงานอุตสากกรรมหลายโรงงาน และจะไหลเข้าสู่เขต อ.โพธาราม ก่อนไหลสู่ อ.เมืองราชบุรี และไหลลงสู่จังหวัดสมุทรสงครามและไหลสู่ทะเลอ่าวไทย โดยตลอดสายมีเกษตรกรเลี้ยงปลากระชังจำนวนมาก.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี