นักธุรกิจหนุ่มอุดรไฟแรง เนรมิตพื้นที่ป่า กว่า 50 ไร่ ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยว เกษตรอินทรีย์ ภายใต้ "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์" ของเก่าหาดูยาก ทั้งไม้หมอนรถไฟยุค ร.5 หินแกรนิตอายุ 5,000 ปี ขี่ช้างชมป่า สวนสัตว์ ปลาช่อนอเมซอน น้ำหนักกว่า 300 กก.มีที่นี่ที่เดียว
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนพื้นที่ป่าที่ตั้งอยู่เลขที่ 222 หมู่ 7 บ้านหนองตะไก้ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี กว่า 50 ไร่ ที่แห่งนี้ถูกตกแต่งผ่านสถาปัตยกรรมในการนำไม้เก่ามาตกแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีชื่อว่า "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์" โดดเด่นไม่เหมือนใครนอกจากจะมีการสะสมของทางร้านรวมถึงของเก่าแก่ที่หาดูได้ยาก พร้อมร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ให้ได้นั่งพักชิลๆ ไปกับบรรยากาศได้แบบเต็มที่ เหมือนเที่ยวชมเมืองเก่า ในบรรยากาศแบบชิลๆ และถ่ายรูปเช็คอินได้อย่างสนุกสนาน
ไม่ว่าจะเป็นสะพานไม้หมอนรถไฟที่มีความยาวที่สุดในโลกในสมัยยุครัชกาลที่ 5 มากกว่า 3,000 ท่อน ที่นำมาประดับตกแต่งย้อนยุคมีอายุกว่า 100 ปี ก้อนหินที่มีอายุราว 5,000 ปี ในรูปแบบสโตนเฮนจ์ นำมาวางเรียงตกแต่งสวยงามงามได้อย่างลงตัว หินบางก้อนถูกตั้งขึ้น บางก้อนก็ถูกวางนอนลง โดยทับซ้อนกับหินก้อนอื่นๆ ในลักษณะคล้ายๆ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง มีอายุมานานนับหลายพันปีที่เกิดขึ้นในตอนใต้ของประเทศอังกฤษ
หรือจะนั่งชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ในมุมสูงดื่มด่ำไปกับท่ามกลางธรรมชาติประดับประดาตกแต่งด้วยจอหนังกลางแปลงย้อนกลับไปในยุคอดีตที่ผ่านมา พร้อมร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดัง ได้ยกมาอยู่ที่นี่เช่นกัน อาทิ สเต็กหมีใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวไก่แม่นิยม ส้มตำมั่ว ในส่วนภาคกลางคืน ก็สามารถจะนั่งๆ ชิวในรูปแบบแคป์ปิ้งนั่งทานหมูกะทะในบรรยากาศที่เย็นสบาย และนั่งชมหนังกลางแปลงไปพร้อมๆ กัน พร้อมทั้งยกสวนสัตว์มาไว้ที่นี่อีกด้วยสนุกสนานกับการให้อาหารสัตว์ ถ่ายภาพกับสัตว์นานาชนิด ม้า แพะ นกกระจอกเทศ กวาง และปลาช่อนอเมซอน ที่มีน้ำหนักกว่า 300 กก.มีน้ำหนักหนักสุดในภาคอีสาน
ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.อุดรธานี ซึ่งถือได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ ทะเลบัวแดง คำชะโนด แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง เพราะที่นี่คือแหล่งเที่ยวที่ผสมผสานในความย้อนยุคจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของเด็กเยาวชน กับ สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ไทยแลนด์
นายดำรงศักดิ์ อำนาจพิชิตไพรี อายุ 48 ปี นักธุรกิจชาวอุดรธานี เปิดเผยว่า ตนเป็นชาว จ.อุดรธานี โดยกำเนิด เริ่มต้นทำธุรกิจแรกจากการจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น ภายใต้แบรนด์ พี.ที.ออยล์ สแตนดาร์ด ต่อด้วยอาหารเสริมงาดำแม่อุษา และพัฒนาอสังหาริมาทรัพย์ บริษัทสามข้าวพร็อพเพอร์ตี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และตนอยากจะทำธุรกิจให้กลุ่มนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้มีจุดเช็คอินแห่งใหม่กัน เพราะมองเห็นโอกาสว่า จ.อุดรธานี มีศักยภาพหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จึงมีความคิดที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการท่องเที่ยวขึ้น ในชื่อ "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์"
โดยในพื้นที่นี้มี 50 ไร่ แบ่งการใช้ออกเป็น 3 โซน 10 ไร่ โซนแรก สร้างเป็นโกดังเตรียมไว้ให้รองรับรถไฟความเร็วสูง นิคมอุตสาหกรรม และแหล่งแร่โปแตช โซน 2 อีก 15 ไร่ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีทั้งสัตว์นานาชนิด ที่พัก ร้านอาหาร มุมสันทนาการ และจุดถ่ายรูปเช็คอินกับบรรยากาศแบบชิลๆ และโซนที่ 3 อีก 25 ไร่ จะพัฒนาให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ ให้นักเรียนและผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ ซึ่งตอนนี้คืบหน้าไปแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์
"ตอนนี้ลงทุนไปแล้วประมาณ 40 ล้านบาท อนาคตเราคาดหวังว่าจะทำพื้นที่นี้ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.อุดรธานี ซึ่ง จ.อุดรธานี เป็นเมืองที่ทุกคนอยากมาจัดอบรมและท่องเที่ยว จ.อุดรธานี มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณีมากมายอยู่แล้ว เราอยากจะทำแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้เติมเต็มให้จังหวัดมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น"
สำหรับจุดเด่น "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์" ที่นี่มีความโดดเด่นคือเรามีสัตว์หลายชนิด เช่น ม้า แพะ นกกระจอกเทศ กวาง และปลาช่อนอเมซอน น้ำหนักกว่า 300 กก.มีศูนย์เรียนรู้สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ และที่สำคัญสะพานที่ทำมาจากไม้หมอนรางรถไฟเก่า ซึ่งมีมากกว่า 3,000 ท่อน
นอกจากนี้ เราได้ร้านอาหารชั้นนำของจังหวัดมาร่วมทุนเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยือน ทั้ง สเต็กหมีใหญ่ ตำบักหุ่ง ร้านในเครือแม่นิยม เจ้าอ้วนหมูกระทะ ขนมจีน 4 ภาค และร้านอเวกคาเฟ่ โดยเราได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ที่ "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์" เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. สอบถามได้ที่เบอร์ 065-3939632 หรือจะเข้าเฟซบุ๊ก "สามข้าวแฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์" ได้ตลอดเวลา
- 006