สองตายายปาดน้ำตา สูญเสียลูกชายเป็นเสาหลัก เสียชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ รับปากจะกลับมาเดือนเมษายนนี้ บอกพ่อกับแม่อย่าเพิ่งตาย สุดท้ายลูกชายมาเสียชีวิตก่อน น้องชายวอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินพี่ชายด้วย มีทองคำมูลค่า 9 ล้านบาทและเงินสดอีก 400,000 บาทยังไม่พบ
25 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีวันที่ 24 ก.พ.66 ที่ผ่าน เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงานพบศพสามี-ภรรยา ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสองสามีภรรยาได้ก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า “ความฝันแบบเกาหลี ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบากมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูกๆในประเทศไทยตลอด สำหรับสองสามีภรรยา ทราบว่า ผู้ชายเป็นชาว จ.อุดรธานี
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 1 บ้านนาคำ ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พบกับนายบุญจันทร์ เพ็งผ่าน อายุ 78 ปี และ นางทองเลื่อน เพ็งผ่าน อายุ 74 ปี พ่อและแม่ของนายขจรศักดิ์ เพ็งผ่าน อายุ 55 ปี หรือ “แหลม” ซึ่งไปทำงานที่เกาหลีใต้และเสียชีวิตพร้อมภรรยา โดยบ้านหลังดังกล่าวมีเพียงสองตายายอยู่ด้วยกันลำพังเพียง 2 คน หลังทราบข่าวว่านายขจรศักดิ์ เสียชีวิต ญาติๆ เดินทางมาให้กำลังใจและแสดงความเสียใจด้วย โดยนางทองเลื่อน ได้นำรูปถ่ายของลูกชายสมัยเป็นหนุ่มๆมาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยบอกว่านายขจรศักดิ์ เป็นลูกชายคนโตในจำนวน 5 คน นายขจรศักดิ์ถือเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลน้องมาตลอดตั้งแต่เกิดมา พอโตขึ้นก็ไปทำงานเนื่องจากที่บ้านฐานะยากจนและไม่ค่อยอยู่บ้านไปทำงานที่ประเทศนี้ที่ประเทศโน้นที เขาเลิกกับภรรยาเก่า ไปได้ภรรยาใหม่ตอนไปทำงานที่เกาหลีใต้ มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ตอนนี้มีลูกชาย 2 คน
นางทองเลื่อน เปิดเผยว่า นายขจรศักดิ์ หรือ "แหลม" เป็นลูกชายคนโตใน จำนวน 5 คน เขาเป็นคนที่ดูแลน้องมาตลอด ตั้งแต่เกิดมา สมัยเด็กๆ ไปทุ่งนาใส่ปูใส่ปลามาให้พ่อและแม่และเลี้ยงน้องๆ ทุกคน โตมาหน่อยก็ออกไปทำงานเลี้ยงดูน้องๆ วันก่อนหลานชายซึ่งเป็นลูกชายนายแหลมโทรมาบอกว่า ย่าทำอะไรอยู่ ย่าทำใจดีๆ นะ ตำรวจโทรมาบอกว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว ตนเองรู้ข่าวแทบช็อค ร้องไห้ทั้งวัน เสียใจมากที่สูญเสียลูกชายคนนี้ไป เขาเป็นคนดีมาก พอโตขึ้นก็ออกไปหางานทำ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปทำงานต่างประเทศทั้งอิสราเอล ไต้หวันและเกาหลีใต้ แม้เขาจะไปแบบผีน้อย แต่ด้วยความจนทำให้ลูกชายต้องบากหน้าไปทำงานต่างประเทศ ก็อยากได้ศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน แต่ได้ยินข่าวจะมีค่าใช้จ่ายเยอะประมาณ 500,000 บาท ก็เลยคิดว่าจะเอากระดูกมาทำบุญ จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท ก็อยากให้ทางการช่วยแนะนำในการนำศพหรือกระดูกลูกมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านด้วย
นางทองเลื่อน บอกอีกว่า ก่อนลูกชายเสียชีวิต มีฝันเป็นลาง ไปทุ่งนาเจอน้ำหลากในท้องนา ก็เดินลุยน้ำไปที่กระท่อมนาแล้วไปเปลี่ยนชุดผ้าขาวขาดๆ พอไปเล่าให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านฟัง ก็บอกว่า จะมีแนวเป็นไปหรือสูญเสียคนที่รักไป วันต่อมารู้ข่าวอีกทีก็รู้ว่าลูกชายเสียชีวิต ไม่คิดไม่ฝันว่าฝันจะเป็นจริง พอไปเล่าให้ตาฟัง ตาแกร้องไห้แทบขาดใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะจากไปเร็วป่านนี้ เขาวีดีโอคอลมาหาแม่เมื่อปีใหม่ บอกว่า อีก 4-5 ปีครบ 60 ปีจะกลับมาอยู่บ้านนะแม่ อย่าเพิ่งตายก่อนลูกแล้วกัน
ขณะที่ นายบุญจันทร์ ผู้เป็นพ่อบอกว่า หลานชายโทรมาบอก พอรู้ข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตที่เกาหลีตนเองทำใจไม่ได้ เขาเป็นที่รักของพ่อแม่และน้องๆ ทุกคน ผมรักลูกชายคนนี้มาก ไปทำงานหนักในหลายประเทศเพื่อให้น้องๆ มีชีวิตที่ดี เกาหลีใต้เป็นประเทศสุดท้ายที่ลูกชายไป สุดท้ายมาเสียชีวิต ปีใหม่ยังคุยกันอยู่เลยบอกกับพ่ออยู่เลยอย่าตายก่อนลูกนะ ครบ 60 ปีจะมาอยู่ด้วย ส่วนความรู้สึกเสียใจจนบอกไม่ถูกน้ำตาจะไหล จากนั้นนายบุญจันทร์ ลุกจากแคร่ขอทำใจเพราะเสียใจที่ลูกชายจากไปไม่มีวันกลับ
นายจุ๋ม น้องชายนายแหลม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คุยกับพี่ชายเขาบอกว่าจะกลับมาบ้านเดือนเมษายนนี้ จะมาพักสักระยะหนึ่ง เรื่องการเสียชีวิตของพี่ชายตอนนี้หลานชายซึ่งเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิตกำลังติดต่อกับสถานทูตที่เกาหลีใต้ ในเรื่องนำกระดูกของพ่อมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน จ.อุดรธานี แต่ตอนนี้เราติดใจว่าทรัพย์สินของพี่ชายยังอยู่ไหม แม้เขาจะไปแบบผีน้อยเขาทำงานเป็นสิบๆ ปี ก็ต้องมีเงินสดทรัพย์สินอยู่ด้วย เพราะเท่าที่รู้ ลูกชายบอกว่า พ่อจะถือกระเป๋าใบหนึ่งไว้ตลอด โดยบอกว่ามีทรัพย์สินเป็นทองคำจำนวน 90 ตุ๊ด หรือประมาณ 9 ล้านบาท และเงินสดอีก 400,000 บาท ไม่รู้ยังอยู่ไหม ตอนนี้ยังไม่แน่นอน คงต้องประสานกับทางสถานฑูตอีกครั้ง ซึ่งหากทรัพย์สินและเงินสดยังอยู่ อยากให้ตำรวจที่เกาหลีใต้สืบดูว่า คนที่ไปเจอศพคนแรกพบไหม หากกระเป๋าใบนั้นมีทรัพย์สิน ทองคำและพาสปอร์ตของพี่ชายและพี่สะใภ้ ญาติๆ ก็อยากได้ทรัพย์สินตรงนั้นกลับมาด้วย
-009