เจ้าหนี้สุดทน เจอลูกหนี้สั่งของ ยอดค้างชำระ 2,266 ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย - จ้างทนายฟ้อง 8 พันบาท แถมจ่ายไม่ครบเหลืออีก 3 บาท
10 มีนาคม 2566 จากกรณี เฟชบุ๊กชื่อ ณิชารีย์ พูนศรี ทนายความได้โพสต์ข้อความระบุว่า "เคสนี้ ลูกความให้ทนายฟ้องเรียกเงินค่าสินค้า (เครดิต) ยอด 2,266 บาท เรื่องมีอยู่ว่า จำเลยเอาของโจกท์ไปกิน ไปขาย กินจนหมด ขายจนหมด ถึงเวลาสิ้นเดือนไม่จ่าย ไม่โอน ผัดจนกลายเป็นแหนม ผลัดมาเกือบปี โจทก์ไม่ไหว ให้ทนายยื่นฟ้อง ค่าทนาย 8,000 โจทก์ยอม ขึ้นศาลนัดแรก ( 27 ก.พ.66 ) จำเลยจะขอผ่อนเดือนละ 500 โจทก์ไม่ยอม ให้เวลาแค่ 5 วันเท่านั้น จำเลยก็โอเค แล้วนางก็เริ่มทยอยผ่อนตั้งแต่วันที่ 1 -5 มีนา ทีละ 200,230,200,233,1,400 จนครบกำหนด 5 มีนา โจทก์ได้ยอดครบ 2,266 บาท #จบคดี สำหรับลูกหนี้บางคน มองว่าเงินน้อย โจทก์ไม่ฟ้องหรอก ไม่คุ้มค่าทนาย #คิดผิดนะคะ” จนชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่าหนี้แค่ 2 พันบาทคุ้มค่ากับการจ้างทนาย 8 พันบาทหรือไม่
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ ทนายณิชารีย์ พูนศรี ทนายความในคดี เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวพบว่า ทางโจทย์ได้มาให้ทางทนายทำการยื่นฟ้องกับทางจำเลยซึ่งเป็นหนี้กันอยู่จำนวน 2,266 บาท ต่อมาพบว่าขึ้นศาลไปทางจำเลยจึงรับปากว่าจะทยอยให้ครบ จนกระทั่งมีการโอนเงินมาทั้งหมด 5 ยอด โดยโอนทีละ 200 ไปจนถึง 1400 บาท จนครบจำนวน แต่ในการชำนะหนี้ครั้งนี้ พบว่ายังเหลือเงินอีกจำนวน 3 บาทไม่ครบ ทางโจทย์จึงไม่ได้ติดใจอะไรจึงได้ยกหนี้ไป ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการฟ้องร้องครั้งนี้ เป็นจำนวน 8 พันบาทที่ทางโจทย์ได้มาว่าจ้าง ซึ่งการมองว่าเงินจำนวน 2 พันบาท ฟ้องแล้วไม่คุ้มนั้น ตนในฐานะทนายก็อยากให้คิดใหม่ เพราะว่าเคสนี้เป็นเคสตัวอย่างที่ใครคิดจะโกงเงินหรือเหนียวหนี้ก็ให้คิดใหม่ เพราะเป็นคดีถึงชั้นศาลแล้วก็ต้องสิ้นสุดลงและจำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม สำหรับตนในฐานะทนายคดี เล็กหรือใหญ่ ตนก็จะรับทำหมด
ด้าน นางสาวณัชภัชสร นาคม่วง ผู้เสียหายและเป็นโจทย์ในคดี เปิดเผยว่า ทางคนที่ติดหนี้นั้น ได้มาติดต่อขอซื้อสินค้าออนไลน์ของตน โดยตนก็ให้นำสินค้าไปก่อนเพื่อเป็นเครดิตในจำนวน 5 พันบาท หลังจากนั้นก็มีทวงถามว่า จะชำระเมื่อไหร่ก็โดนบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนกระทั่งตนทวงถามไปบ่อยครั้ง ก็ทำให้ทางลูกหนี้นั้นเกิดความรำคาญและพูดจาไม่ดี ตนจึงสุดทนได้เข้าพบกับทางทนายความเพื่อทำการฟ้องร้องเอาเงินจำนวนที่ติดหนี้ตน ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้มก็ตาม
จนกระทั่งถึงในชั้นศาลก็ไกล่เกลี่ย 2,266 บาท ก็ได้มีการตกลงว่าจะผ่อนจ่ายจนครบซึ่งก็ได้โอนเงินมาจำนวน 5 ครั้ง แต่พอเช็คยอดเงินที่โอนก็พบว่ายังขาดอีกจำนวน 3 บาทถึงจะครบชำระ แต่ตนก็ไม่ติดใจอะไร 3 บาท ก็ยกหนี้ไป เพราะอยากให้เรื่องมันจบ สำหรับเรื่องนี้ที่ตนไปเสียเงินจ้างทนาย 8 พันบาท ตนก็มองว่าไม่คุ้ม แต่อยากให้รู้ว่ากรณีของตนนั้น หากพบว่า เจอคนที่ติดหนี้แล้วไม่จ่ายและทำเมินเฉยก็อยากให้เป็นตัวอย่างว่า ก็สามารถเป็นคดีฟ้องร้องได้เหมือนกัน -009