18 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพการขนย้าย พระปางห้ามญาติที่ตั้งไว้บนเนินเขาน้อยภายในถ้ำจอมพล ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดราชบุรี และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชมภายในถ้ำและถ่ายภาพลำแสงที่สาดส่องลงมาจากปากปล่องของถ้ำ จนกลายเป็นภาพที่ชินตาและมีการตีพิมพ์บนวารสาร หนังสือพิมพ์ ด้านการท่องเที่ยว ตามสื่อโซลเชียลต่างๆ

โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทางเพจของสำนักงาน เทศบาลตำบลจอมบึง จ.ราชบุรี ได้เผยแพร่ภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางเทศบาล และ พระสงฆ์ ของวัดจอมบึง เข้าไปขนย้าย สิ่งปลูกสร้างต่างๆ สายไฟฟ้า รวมไปถึงพระพุทธรูป กระถาง ธูป เทียน ตู้รับบริจาค และ เสื่อ พรมปูพื้น ออกจากภายในน้ำจอมพล ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง นายสมบูรณ์ เทพสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลจอมบึง ได้ออกมาแจงว่า ทางคณะสงฆ์วัดจอมบึง และพนักงานเทศบาลตำบลจอมบึง เข้ารื้อถอนศาสนสมบัติของวัดจอมบึง และระบบไฟฟ้า

พร้อมสิ่งก่อสร้างชำรุดเสียหายที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลจอมบึง ออกจากบริเวณถ้ำจอมพล เพื่อให้เป็นไปตาม “พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562” โดย จากก่อนที่เป็นสวนรุกชาติ เปลี่ยนมาเป็นอุทยานแห่งชาติ ได้มีการออกระเบียบกฎหมายมา จากกรมป่าไม้มาเป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มต้น ทางนายอำเภอได้ทำเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และทำเรื่องถึงกรมป่าไม้

โดยทางกรมป่าไม้ได้อนุญาติให้ทางสุขภิบาล ซึ่งเป็นสำนักงานเทศบาลในปัจจุบันเข้ามาดูแล กัน 3 ฝ่าย มีวัด เทศบาล และ สวนรุกชาติ ช่วยกันดูแล จัดระเบียบร้านค้าต่างๆ และมีการปรับภูมิทัศ ต่อมากลายเป็นอุทยานพร้อมทั้ง ยกเลิกให้ทางเทศบาลดูแล ไม่ให้เข้าไปดูแล และให้ทางเทศบาลและวัด ให้ขนย้ายสิ่งของและพระพุทธรูปดังกล่าวออก ตามที่ปรากฏในภาพดังกล่าว สิ่งใดที่เป็นของทางเทศบาลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเอาไว้ทางเทศบาลก็ขนย้ายออกมา ส่วนที่เป็นของวัด ซึ่งมีพระน้อยทางเทศบาลก็เลยให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยกันขนย้าย ตามความประสงค์ของวัดทำให้เรื่องนี้เป็นที่วิพากวิจารณ์กัน พร้อมทั้งรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นภาพที่เคยเข้าไปเที่ยวเมื่อครั้งสมัยยังเด็กๆ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดจอมบึง โดยทาง พระครูประโชติวิสุทธิธรรม (ชูชาติ โชติกาโร) เจ้าอาวาสวัดจอมบึง คณะสงฆ์วัดจอมบึง ได้ร่วมกับ เทศบาลตำบลจอมบึง จัดงานสงกรานต์ และสรงน้ำพระปางห้ามญาติ ซึ่งมีอายุกว่า 30 ปี พร้อมด้วยพระพุทธรูป และรูปปั้นฤๅษี อายุนับร้อยปี เพื่อความเป็นสิริมงคล และยังเป็นการสืบสานประเพณีของอดีตเจ้าอาวาส และชาวบ้านคนรุ่นเก่า ที่ทุกปีจะจัดงานสรงน้ำพระภายในถ้ำจอมพล แต่เนื่องจากต้องขนย้ายออกมาจากถ้ำทั้งหมด จึงได้มาจัดงานสรงน้ำพระที่วัดแทน

พระครูประโชติวิสุทธิธรรม (ชูชาติ โชติกาโร) เจ้าอาวาสวัดจอมบึง กล่าวว่า หลังจากนี้ จะอัญเชิญพระปางห้ามญาติ ขึ้นประดิษฐานไว้ที่ศาลาใหญ่ ซึ่งเป็นศาลาสำหรับจัดกิจกรรมทางศาสนา และพิธีสำคัญทางศาสนาต่างๆ เพื่อให้ประชาชนและชาวบ้านที่ได้เคยเข้าไปกราบไหว้ขอพรจาก พระปางห้ามญาติภายในถ้ำจอมพล ให้มากราบไหว้ขอพรได้ที่วัดแทน

ส่วนรูปปั้นฤาษีที่มีอายุนับ 100 ปี ขณะนี้ทางวัดกำลังสร้างอาสมหลังใหม่เพื่อที่จะอัญเชิญไปประดิษฐาน เนื่องจากมีชาวบ้านที่ร่วมกันขนย้ายออกมาจากถ้ำ ได้รับโชคจากรางวัลเลขท้าย 71 กันแทบยกหมู่บ้าน เนื่องจากขณะขนย้าย มีเลขที่ปรากฎบนกายของฤาษี 271 ชาวบ้านจึงนำไปเสี่ยงโชคดังกล่าว

สำหรับถ้ำจอมพล เป็นถ้ำที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมจำนวนมาก มีภาพที่เห็นจนคุ้นตาเมื่อมาเที่ยวชมถ้ำจอมพลแห่งนี้ จะเห็น “ลำแสงที่สาดส่องลงมาจากปล่องปากถ้ำ จะเห็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติตั้งอยู่บนเนินเขาน้อยภาพในถ้ำ เป็นภาพที่สวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรี และเป็นถ้ำประวัติศาสต์ของชาติ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวในประเทศไทยที่มีรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อของ พระมหากษัตริย์ ถึง 3 พระองค์ที่เคยเสด็จประพาสต้น

ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเสร็จเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร

ถ้ำจอมพล ชื่อเดิมว่า “ถ้ำมุจลินท์” เป็นเขากลางเมือง สูง 185 เมตร เดิมเรียกกันว่า เขากลางเมือง ครั้นต่อมาเมื่อ ร.ศ.114 พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 พระพุทธเจ้าหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระพันปีหลวง ได้เสด็จประพาศถ้ำที่เขานี้ เป็นที่ทรงโปรดปรานจึงได้พระราชทานนามถ้ำ แห่งใหม่ว่า “ถ้ำจอมพล” และถูกใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน.012