ชาวบ้านปราสาทเทพสถิตย์ อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่กู้กองทุนเงินล้านกว่า 20 รายแทบช็อกหลังกู้หลักหมื่นแต่ไม่ได้ชำระตามกำหนดปีแรก ถูกเรียกเก็บทั้งต้นและดอกเบี้ย 3-4 แสนบาท สูงเกินจริงหลายเท่า วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบช่วยเหลือ ด้านกรรมการฯแจงตามระเบียบปกติคิดดอกร้อยละ 5 ต่อปีแต่ไม่ชำระตามกำหนดจึงปรับร้อยละ 1 บาทต่อวัน หากมาเจรจาและจ่ายจริงก็ไม่ได้ปรับตามยอดที่ทวง
วันที่ 19 เม.ย.66 ชาวบ้านบ้านปราสาทเทพสถิตย์ ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านกว่า 20 คน ได้นำหนังสือที่ทางคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ ส่งมาติดตามทวงเงินกองทุนออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาตรวจสอบและช่วยเหลือ เพราะในหนังสือติดตามทวงเงินที่กู้ ระบุให้ชำระทั้งเงินต้น ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีและเบี้ยปรับที่ผิดนัดชำระหรือไม่ชำระตามกำหนดอีกร้อยละ 1 บาทต่อวัน ทำให้บางคนที่มียอดกู้เฉลี่ย 50,000-60,000 บาท แต่ได้รับหนังสือทวงให้ชำระ 300,000-400,000 บาท ซึ่งมองว่าไม่มีความเป็นธรรมทั้งที่เพิ่งชำระล่าช้าเป็นปีแรก ที่ผ่านมาก็ชำระตรงตามกำหนดมาทุกปี
แต่พอจ่ายช้าแค่ปีเดียวกลับจะมาเรียกเก็บยอดที่สูงเกินความเป็นจริงหลายเท่าแบบนี้ ก็ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย เพราะชาวบ้านแต่ละคนก็มีอาชีพทำนา รับจ้างทั่วไปที่กู้เงินกองทุนหมู่บ้านก็เพื่อไปหมุนเวียนลงทุนและใช้จ่ายในครอบครัว และมีบางรายที่สามีเป็นคนกู้แต่กลับมีหนังสือทวงถามทั้งสามีและภรรยาด้วย ทั้งที่ภรรยาไม่ได้เป็นคนกู้
โดยนายหลาง อายุ 52 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่เป็นสมาชิกและได้รับหนังสือทวงเงินกู้ บอกว่า ตนกู้เงินกองทุนหมู่บ้านจำนวน 55,000 บาท ทุกปีที่ผ่านมาก็ชำระมาโดยตลอด เพิ่งมีปีนี้ที่ยังไม่ได้ไปชำระตามกำหนดคือวันที่ 5 มี.ค.66 เพราะหาเงินยังไม่ได้ แต่พอต้นเดือนเ ม.ย.ที่ผ่านมา กลับได้รับหนังสือทวงเงินจากทางกรรมการกองทุนฯให้ชำระทั้งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยและค่าปรับอีกร้อยละ 1 บาทต่อวันรวมเป็นเงินที่ถูกเรียกเก็บ 462,000 บาทก็แทบช็อก เพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายและมองว่าเป็นการเรียกเก็บที่ไม่เป็นธรรม จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย
ด้านนายสมัน อายุ 69 ปี ชาวบ้านอีกราย บอกว่า ตนกู้เงินกองทุน 45,000 บาทปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่ได้จ่ายเงินตามกำหนดเพราะหาเงินไม่ทัน แต่จู่ๆ ได้รับหนังสือทวงเงินจากทางกรรมการกองทุนฯ ส่งมาเป็นชื่อตนเอง 34,500 บาท ซึ่งน้อยกว่ายอดเงินที่กู้ แต่กลับมีหนังสือไปทวงเงินกับภรรยาตนเองด้วยอีกฉบับยอด 55,350 บาททั้งที่ภรรยาไม่ได้เป็นคนกู้และภรรยาตนเองก็ป่วยต้องกินยาระงับประสาทด้วยก็รู้สึกงงและไม่สบายใจจึงได้พากันออกมาร้องเรียนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและช่วยเหลือ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามนางปราณี จำปาราช ประธานกองทุนหมู่บ้านปราสาทเทพสถิตย์ ได้ชี้แจงว่า กองทุนมีคณะกรรมการทั้งหมด 9 คน มีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกู้เงินกองทุนฯ แยกเป็นกู้เงินล้านที่ 1 จำนวน 55 ราย กองทุนล้านที่สอง 56 ราย แต่ในจำนวนนี้มีสมาชิกที่ยังไม่ได้ชำระเงินกู้ตามกำหนด คือวันที่ 5 มี.ค.66 จำนวน 21 ราย ทางกรรมการจึงได้ส่งหนังสือไปติดตามทวงถามตามระเบียบ ซึ่งในหนังสือก็จะมีการแจ้งยอดให้ชำระเงินต้น ดอกเบี้ยตามระเบียบร้อยละ 5 ต่อปีและเบี้ยปรับที่ผิดนัดชำระ ซึ่งเป็นมติที่ประชุมอีกร้อยละ 1 บาทต่อวัน
หลังจากได้รับหนังสือก็มีสมาชิกมาชำระเงินแล้ว 2 ราย ซึ่ง 2 รายที่ได้รับหนังสือทวงและมาชำระทางกรรมการก็ไม่ได้ให้จ่ายเบี้ยปรับร้อยละ 1 บาทต่อวันตามที่มีหนังสือทวงไปก็มีการพูดคุยเจรจากันและตกลงชำระค่าปรับเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้นและก็ให้ผ่อนชำระด้วย แต่ตอนนี้ยังสมาชิกที่ค้างชำระอีก 19 ราย ก็อยากให้เข้ามาพูดคุยกันเพราะกรรมการก็ต้องทำตามกฎระเบียบ และต้องสรุปงบดุลประจำปีให้ทางอำเภอทราบทุกปี เมื่อมีการค้างชำระก็ต้องทำหนังสือไปทวงถามตามระเบียบ แต่หากสมาชิกเข้ามาพูดคุยกับกรรมการก็ไม่ได้ให้จ่ายค่าปรับร้อยละ 1 บาทตามที่ทวงไปจริงๆ แต่ส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาทต่อปีก็ต้องจ่ายตามระเบียบที่กำหนดไว้ แต่ชาวบ้านที่ได้รับหนังสือกลับไม่มาพูดคุยหรือสอบถามกรรมการเลย แต่กลับนำเรื่องไปร้องเรียน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี